ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปอยู่ในตึกแถว 1 คูหาของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายถึงวันฟ้องรวม 53 เดือน เป็นเงิน 31,800 บาทและค่าเสียหายต่อไปเดือนละ 600 บาท

จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยอยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจองห้องโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ค่าเสียหายของโจทก์ไม่เกินเดือนละ50 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยตามขอ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยฎีกาข้อแรกว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้รับสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ในคดีอาญาหมายเลขแดง 6427/2517 ซึ่งโจทก์ส่งภายหลังที่โจทก์แถลงต่อศาลว่าหมดพยานแล้ว เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบทำให้จำเลยเสียเปรียบนั้น เห็นว่าคำฟ้องคดีนี้โจทก์ได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่าจำเลยบุกรุกห้องพิพาทและศาลลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีถึงที่สุด ซึ่งจำเลยมิได้ปฏิเสธอันถือว่าจำเลยรับแล้ว ทั้งโจทก์ก็ได้ระบุอ้างสำนวนคดีอาญาดังกล่าวในบัญชีพยานของโจทก์ไว้แล้ว แม้จะได้ส่งอ้างคำพิพากษาคดีดังกล่าวในภายหลังที่โจทก์แถลงหมดพยานแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ย่อมมีอำนาจสั่งอนุญาตและรับสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 86 วรรคสาม, 87(2) ไม่เป็นการทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี

ที่จำเลยฎีกาโต้เถียงว่า จำเลยเข้าอยู่ในห้องพิพาทไม่เป็นการบุกรุกแต่กรณีเป็นเรื่องครอบครองตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจองห้องนั้นเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีอาญาดังกล่าววินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีสิทธิอันใดในห้องพิพาทจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตึกแถวพิพาท และพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว การพิพากษาคดีนี้ซึ่งเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือว่าจำเลยบุกรุกตึกแถวพิพาทจริงตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 จำเลยเข้าอยู่ในห้องพิพาทจึงเป็นการบุกรุก จำเลยจะฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นมิได้

ส่วนฎีกาข้อสุดท้ายที่ว่า โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุก อันโจทก์ถือว่าเป็นมูลละเมิดเรียกค่าเสียหายจากจำเลยคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา และจำเลยได้ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตึกแถวพิพาทเสร็จเด็ดขาดแล้วก่อนที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ ดังนี้ สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องคดีแพ่งย่อมมีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสาม หาใช่มีกำหนดอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ดังที่จำเลยฎีกาไม่ คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th