
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยขอแสดงสิทธิที่นาศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องคดีถึงที่สุด โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษา ขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยออกจากที่นาพิพาทภายใน 15 วัน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ครอบครองและได้สิทธิครอบครองในที่นาพิพาทโดยอ้างสิทธิขึ้นมาใหม่และจำเลยได้ฟ้องโจทก์ขอแสดงสิทธิครอบครองในที่นาพิพาท คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ศาลฎีกางดการบังคับคดีไว้เพื่อรอฟังผลคดีถึงที่สุดของคดีดังกล่าวนั้น เห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องและคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยคงยึดถือที่นาพิพาทสืบเนื่องต่อมาเท่านั้นไม่มีพฤติการณ์ใดขึ้นใหม่อันจะแสดงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่นาพิพาทจึงจะนำระยะเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 กำหนด 1 ปี มาบัคับแก่โจทก์มิได้เมื่อโจทก์ได้ขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา การครอบครองที่นาพิพาทของจำเลยภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองแก่จำเลยแต่อย่างใด ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยที่ขอให้งดการบังคับคดีไว้จึงไม่มีเหตุที่จะให้รับฟัง พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา ADMIN








