คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4923/2563
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 379, 383 วรรคหนึ่ง
ตามคำขอใช้สิทธิและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์ใหม่คันแรกที่กำหนดว่า กรณีผู้ขอใช้สิทธิมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขสละสิทธิการโอนรถยนต์ใหม่คันแรกภายใน 5 ปี ให้ครบถ้วนจะต้องนำเงินที่ได้รับไปส่งคืน โดยยินยอมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นั้น เป็นกรณีที่โจทก์เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยหลังจากผิดนัดชำระหนี้ ดอกเบี้ยดังกล่าวจึงเป็นค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้าถือเป็นเบี้ยปรับ หากสูงเกินส่วนศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าเป็นเบี้ยปรับและใช้ดุลพินิจปรับลดเป็นอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนั้น เหมาะสมแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 115,899.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 73,072 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 73,072 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 109 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า วันที่ 13 กันยายน 2554 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามแนวทางใช้มาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตของประชาชน ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ที่ซื้อไม่น้อยกว่า 5 ปี กระทรวงการคลังจะคืนเงินเท่ากับจำนวนค่าภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ดังกล่าว แต่ไม่เกินคันละ 100,000 บาท และจะคืนให้เมื่อผู้ซื้อครอบครองรถยนต์ครบ 1 ปี วันที่ 29 มิถุนายน 2555 จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น BRIO กับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผู้ให้เช่าซื้อราคา 552,123.60 บาท ผ่อนชำระ 84 งวด เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2555 งวดละ 7,033 บาท และทำหนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนรถยนต์ที่เช่าซื้อภายใน 5 ปี นับแต่วันครอบครอง ต่อมาวันที่ 25 กันยายน 2555 จำเลยยื่นคำขอใช้สิทธิรับเงินคืนตามโครงการมาตรการรถยนต์คันแรก มีข้อตกลงว่าหากจำเลยผิดเงื่อนไขจะต้องนำเงินที่รับไปส่งคืนให้แก่โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งให้คืนเงิน ถ้าไม่คืนภายในกำหนดยินยอมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดคืนเงิน จำเลยรับเงินจากโจทก์ 73,072 บาท ต่อมาจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อก่อนครบกำหนด 5 ปี โดยผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อเกินกว่า 3 งวดติดต่อกัน ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญา ติดตามรถยนต์คืน และประมูลขายรถตามสัญญาเช่าซื้อ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยคืนเงินที่รับไปพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แต่จำเลยเพิกเฉย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตามคำขอใช้สิทธิและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์ใหม่คันแรก ข้อ 8 เป็นเบี้ยปรับหรือไม่ เห็นว่า ตามคำขอใช้สิทธิและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์ใหม่คันแรก ข้อ 8 กำหนดว่า กรณีผู้ขอใช้สิทธิมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขสละสิทธิการโอนรถยนต์ใหม่คันแรกภายใน 5 ปี ให้ครบถ้วน ผู้ขอใช้สิทธิจะต้องนำเงินที่ได้รับไปส่งคืนให้แก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ยื่นคำขอใช้สิทธิภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งให้คืนเงิน หากผู้ขอใช้สิทธิไม่นำเงินที่ได้รับส่งคืนให้แก่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ที่ยื่นคำขอใช้สิทธิภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งให้คืนเงิน ผู้ขอใช้สิทธิยินยอมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดคืนเงินจนกว่าจะชำระเงินคืนให้ครบถ้วน เป็นกรณีที่โจทก์เรียกดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากจำเลยหลังจากที่จำเลยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ ดอกเบี้ยดังกล่าวจึงเป็นค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้จึงถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 ซึ่งหากสูงเกินส่วนศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ในการที่จะวินิจฉัยว่าสมควรเพียงใดนั้น ให้พิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าดอกเบี้ยผิดนัดดังกล่าวเป็นเบี้ยปรับนั้น ชอบแล้ว และใช้ดุลพินิจปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 15 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นั้น เหมาะสมแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.523/2563
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - กรมสรรพสามิต จำเลย - นาย บ.
ชื่อองค์คณะ เธียรดนัย ธรรมดุษฎี จักษ์ชัย เยพิทักษ์ นันทวัน เจริญชาศรี
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดอ่างทอง - นายเขมจิตร ภาคอัต ศาลอุทธรณ์ภาค 1 - นายสมเจตน์ สุรินทร์ศักดิ์