คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4931/2541
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1382 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 28, 150, 188, 248
คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินรวม 3 แปลงมาโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าการเข้าครอบครองที่ดิน ดังกล่าวครอบครองแทน พ. กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำร้องขอ เป็นคดีมีทุนทรัพย์และศาลจะต้องแยกพิจารณาที่ดินแต่ละแปลงออกต่างหากจากกันเป็นรายแปลงว่าเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างหรือเป็นดังที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านทุนทรัพย์จึงต้องแยกออกเฉพาะที่ดินแต่ละแปลง เมื่อปรากฏว่าที่ดินทั้งสามแปลงมี ราคาแปลงละไม่เกินสองแสนบาท จึงเป็นคดีที่ราคา ทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของที่ดิน แต่ละแปลงไม่เกินสองแสนบาท อันต้องห้ามมิให้คู่ความ ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 873, 861 และ 820 ตำบลสะพานไทย (กบเจา) อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีชื่อนางพร หรือ พอน แตงเจริญ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามกฎหมาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า เมื่อปี 2523 นางพร หรือ พอน และนายรด แตงเจริญ สามีภรรยาได้ยกที่ดินรวม 3 แปลงคือที่ดินโฉนดเลขที่ 873, 861 และ 820 ตำบลสะพานไทย (กบเจา) อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่ผู้ร้องและนางประเทือง ขาวบุบผาซึ่งเป็นบุตรเขยและบุตรสาว ผู้ร้องและนางประเทืองภรรยาได้เข้าครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลากว่า10 ปี ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า นางพร หรือ พอนไม่เคยยกที่ดินตามคำร้องขอให้แก่ผู้ร้องและภรรยาแต่อย่างใดการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นการครอบครองแทนนางพร หรือ พอน ที่ดินตามคำร้องขอยังเป็นทรัพย์มรดกของนางพร หรือ พอน ซึ่งภรรยาผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกแทนที่มารดาซึ่งเป็นน้องสาวนางพร หรือ พอนขอให้ยกคำร้องขอ ดังนี้กรณีเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำร้องขอ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์และศาลจะต้องแยกพิจารณาที่ดินแต่ละแปลงออกต่างหากจากกันเป็นรายแปลงว่าเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างหรือเป็นดังที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ทุนทรัพย์จึงต้องแยกออกเฉพาะที่ดินแต่ละแปลง เมื่อปรากฏว่า ที่ดินทั้งสามแปลงกล่าวคือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 873, 861 และ 820 มีราคา59,400 บาท 188,500 บาท และ 51,000 บาท ตามลำดับจึงเป็นคดีที่ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของที่ดินแต่ละแปลงไม่เกินสองแสนบาท อันต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 248 วรรคหนึ่งแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ผู้ร้องฎีกาว่าพยานหลักฐานของผู้ร้องรับฟังได้ว่า ผู้ร้องและภรรยาได้รับการยกให้ซึ่งที่ดินพิพาทจากนางพร หรือ พอน ผู้ร้องมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนางประเทืองภรรยาผู้ร้อง และมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้าน จึงต้องนับระยะเวลาที่นางประเทืองภรรยาผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทก่อนนางประเทืองถึงแก่กรรมรวมเข้ากับเวลาครอบครองโดยลำพังของผู้ร้องอันมีระยะเวลารวมกันแล้วเกินกว่า 10 ปีผู้ร้องย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองตามกฎหมายนั้น เห็นว่าฎีกาของผู้ร้องล้วนโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาได้จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาผู้ร้องมานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาผู้ร้อง ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่ผู้ร้อง
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ ผู้ร้อง - นาย เสวก ขาวบุบผา ผู้คัดค้าน - นาง ประทุม บุญเอี่ยม
ชื่อองค์คณะ เสริมศักดิ์ ผลัดธุระ สมคิด ไตรโสรัส อัธยา ดิษยบุตร
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan