คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2538
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 1364 วรรคสอง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142, 145
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินและให้จำเลยให้ความยินยอมในการรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมจำเลยให้การว่าที่ดินตามฟ้องเป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาทคือโจทก์จำเลยและพี่น้องร่วมบิดามารดารวมทั้งหมด5คนเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งมีทายาทคนอื่นนอกจากโจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยแต่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้เดียวแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์การกำหนดส่วนแบ่งตามคำขอของโจทก์อาจกระทบถึงสิทธิของทายาทคนอื่นซึ่งมิได้เข้ามาในคดีได้คำขอของโจทก์จึงไม่อาจบังคับได้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 22390 เนื้อที่ 3 งาน 61 8/10 ตารางวาโจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงเรื่องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินแปลงดังกล่าว เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดปรากฏว่าจำเลยเพิกเฉย ไม่ให้ความยินยอมในการรังวัดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 22390 ให้แก่เจ้าพนักงานที่ดิน หากไม่ส่งมอบให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกโฉนดที่ดินหรือใบแทนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ และให้จำเลยให้ความยินยอมในการรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม หากไม่ให้ความยินยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้โจทก์ดำเนินการรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมไปฝ่ายเดียว
จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้อง บิดามารดาจำเลยซื้อมาเมื่อประมาณ 40 ปีแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว เมื่อบิดามารดาถึงแก่กรรมจึงเป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาท คือโจทก์ จำเลยและพี่น้องร่วมบิดามารดารวมทั้งหมด 5 คน โจทก์และจำเลยมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันเพียงสองคน โจทก์และจำเลยไปติดต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เพื่อแบ่งแยกที่ดินให้แก่ทายาททุกคน แต่เมื่อถึงวันนัดทำการรังวัดจึงทราบว่าโจทก์จะแบ่งแยกเป็นสองส่วน ทายาทอื่นจึงคัดค้านการที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถรังวัดแบ่งแยกที่ดินได้ มิใช่ความผิดของจำเลยปัจจุบันโฉนดที่ดินตามฟ้องอยู่ที่นางเกษร ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา จำเลยจึงส่งมอบให้ไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่22390 ตามฟ้องให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ถ้าแบ่งไม่ได้ให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างโจทก์และจำเลยหรือขายทอดตลาดโดยแบ่งเงินให้โจทก์กึ่งหนึ่ง
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เนื่องจากที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสังข์ซึ่งมีทายาทอื่นนอกจากโจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยและโจทก์กับจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกคือที่ดินพิพาทแทนทายาทคนอื่นด้วยเมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้เดียวแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงเอกสารหมาย จ.5ซึ่งจำเลยจะต้องแบ่งที่ดินพิพาทด้านทิศตะวันออกให้แก่โจทก์การกำหนดส่วนแบ่งตามคำขอของโจทก์จึงอาจมีผลกระทบถึงสิทธิของทายาทคนอื่นซึ่งมิได้เข้ามาในคดีได้ เพราะที่ดินพิพาททุกส่วนทายาททุกคนต่างมีส่วนเป็นเจ้าของสมควรให้เจ้าของรวมทุกคนได้มีส่วนรู้เห็นและตกลงในการแบ่งด้วย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยคนเดียวให้แบ่งที่ดินพิพาทตามที่จำเลยตกลงกับโจทก์เพียงสองคน คำขอของโจทก์จึงไม่อาจบังคับให้ได้
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง ถนอม แสงรัตน์ จำเลย - นางสาว มาลี เสวานนท์
ชื่อองค์คณะ พิมล สมานิตย์ สกล เหมือนพะวงศ์ ถวิล ตรีเพชร
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan