ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลย ให้การ ปฏิเสธ

ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง

โจทก์ อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 จำคุก 3 เดือน และปรับ 1,500 บาทคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือนและปรับ 1,000 บาท ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อน ประกอบกับจำเลยป่วย ต้องไปพบแพทย์เป็นประจำโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติได้ว่าโจทก์มีอาชีพเป็นทนายความ เดิมผู้มีชื่อได้ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนห้องแถวออกจากที่ดินต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่ดินและห้องแถวเป็นของจำเลย ในการดำเนินคดีแพ่งดังกล่าวจำเลยแต่งตั้งโจทก์ให้เป็นทนายความแก้ต่าง ในระหว่างสืบพยานโจทก์คดีแพ่งดังกล่าวโจทก์กับจำเลยมีความเห็นไม่ตรงกัน โจทก์จึงถอนตัวจากการเป็นทนายความ ศาลชั้นต้นในคดีนั้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ต่อมาจำเลยได้เขียนหนังสือด้วยลายมือของตนเอง ลงวันที่8 พฤษภาคม 2534 ขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ตามเอกสารหมาย จ.4กล่าวอ้างว่าโจทก์และคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีไม่ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลย โดยเฉพาะโจทก์ซึ่งเป็นทนายความได้รับเงินค่าจ้างว่าความไปจากจำเลยบางส่วนแล้วไม่คืนให้จำเลย มีพฤติการณ์ประพฤติผิดมารยาททนายความและในหนังสือดังกล่าวมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า "สำหรับนายอัมพร ณ สงขลา นั้น ขอให้พิจารณาเป็นพิเศษด้วยเดินหากินจุ้นจ้านที่ศาลเพราะสำนักงานร้างไปแล้ว ข้าพเจ้าได้สืบทราบว่า คุณอัมพรนั้นเขาเรียกทนายโจร ฯลฯ" สำนักเลขาธิการนกยกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือเอกสารหมาย จ.4 ไปให้สภาทนายความดำเนินการต่อไป สภาทนายความได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโจทก์ในข้อหาประพฤติผิดมารยาททนายความ

พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ศาลอุทธรณ์ภาค 3วินิจฉัยว่า จำเลยเขียนหนังสือเอกสารหมาย จ.4 ไปยังบุคคลที่สามมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า "สำหรับนายอัมพร ณ สงขลานั้น ขอให้พิจารณาเป็นพิเศษด้วย เดินหากินจุ้นจ้านที่ศาล สำนักงานร้างไปแล้ว" ซึ่งมีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2525 ว่า โจทก์เข้าไปยุ่งเกี่ยวในสถานที่หรือในเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวจนน่าเกลียด เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้ เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ส่วนข้อความที่ว่า "ข้าพเจ้าสืบทราบว่า คุณอัมพร นั้น เข้าเรียกว่าทนายโจร" ศาลอุทธรณ์ภาค 3วินิจฉัยว่า อาจหมายความว่า โจทก์มักจะรับเป็นทนายความให้กับโจรผู้ร้าย จึงเรียกว่าทนายโจรก็ได้ ข้อความในส่วนนี้จึงไม่เป็นหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ โจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในส่วนนี้ดังนั้นคำกล่าวที่ว่าโจทก์เป็นทนายโรจเป็นหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์หรือไม่ จึงยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

คดีคงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกา ตามฎีกาของจำเลยแต่เพียงว่าข้อความที่จำเลยกล่าวว่า "สำหรับนายอัมพร ณ สงขลา นั้น ขอให้พิจารณาเป็นพิเศษด้วย เดินหากินจุ้นจ้านที่ศาล เพราะสำนักงานร้างไปแล้ว"เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คำว่า "จุ้นจ้าน"เป็นคำกริยาตามพจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 มีความหมาย2 นัย นัยแรกคือเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสถานที่หรือนัยที่สองเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวจนน่าเกลียด เมื่อพิจารณาทั้งประโยชน์ที่ว่า "เดินหากินจุ้นจ้านที่ศาล" จึงน่าจะมีความตามความนัยแรกคือ โจทก์เข้าไปเดินหากินยุ่งเกี่ยวในศาลในลักษณะพลุ่กพล่าน ยุ่มย่าม จนน่าเกลียด เพราะสำนักงานร้างไปแล้ว ชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความว่า จำเลยได้ติดต่อให้โจทก์เป็นทนายความที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชและจำเลยเอาเงินค่าจ้างว่าความส่วนหนึ่งไปให้โจทก์ที่บ้าน โดยไม่ได้ความชัดว่าโจทก์มีสำนักงานทนายความแยกจากบ้านที่พักอาศัยหรือไม่ ส่วนจำเลยเบิกความว่าได้ติดต่อพบกับโจทก์ที่ศาล และสำนักงานที่ดินเสมอ ๆ แสดงว่าจำเลยไม่เคยติดต่อโจทก์ที่สำนักงานทนายความของโจทก์ ดังนั้นที่จำเลยกล่าวว่าโจทก์ไปเดินหากินจุ้นจ้านที่ศาล เพราะสำนักงานร้างไปแล้ว จึงเป็นการกล่าวไปตามความเข้าใจของจำเลยว่าโจทก์ไม่มีสำนักงานเป็นหลักแหล่งต้องใช้ศาลเป็นที่ทำมาหากินมิได้มีความหมายไปในทางที่ว่า โจทก์เป็นทนายความที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตหรืออาศัยวิชาชีพหลอกลวงฉ้อโกงจำเลยหรือประชาชน จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาใส่ความโจทก์ให้เสียหายหรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง คำกล่าวดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์

พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th