ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 18 พฤษภาคม 2533 จำเลยได้จ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ตำแหน่งหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 6,250 บาท ต่อมาวันที่ 8 กรกฎาคม 2540 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 10,833 บาท ค่าจ้างค้างจ่าย2,083.33 บาท และค่าชดเชย 37,500 บาท ให้แก่โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยนำสืบฟังได้เพียงว่าโจทก์จงใจกระทำความผิดฐานฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน แต่การกระทำผิดดังกล่าวไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับผลประโยชน์อื่นใดเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าจ้างตามปกติโดยมีเจตนาทุจริต ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำผิดกรณีร้ายแรงและจำเลยไม่ได้ค้างค่าจ้างโจทก์ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 37,500 บาท ให้แก่โจทก์ คำขออื่นของโจทก์ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2533 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างตำแหน่งหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 6,250 บาท ต่อมาโจทก์ตอกบัตรลงเวลาเลิกงานแทนนายวีรพงศ์ ตันเฮง และหลังจากนั้นโจทก์ให้นายวิทยาวุฒิ วรจักร ตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงานแทนโจทก์จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า การที่โจทก์ตอกบัตรลงเวลาเลิกงานแทนนายวีรพงศ์ และที่โจทก์ให้นายวิทยาวุฒิตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงานแทนโจทก์ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงอันจะเป็นเหตุให้จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า มีประกาศของจำเลย กำหนดให้พนักงานทุกคนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า ห้ามมิให้พนักงานทุกคนของจำเลยตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงานและเลิกงานแทนกันโดยเด็ดขาด แต่การที่โจทก์ตอกบัตรลงเวลาเลิกงานแทนนายวีรพงศ์ก็ดี หรือที่โจทก์ให้นายวิทยาวุฒิตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงานแทนโจทก์ก็ดีจำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่า การกระทำของโจทก์ดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยอย่างไรเป็นพิเศษยิ่งกว่าการฝ่าฝืนต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยหรือทำให้โจทก์ นายวีรพงศ์หรือนายวิทยาวุฒิได้รับผลประโยชน์อื่นใดเพิ่มเติมกว่าปกติจากจำเลยนอกเหนือจากค่าจ้างที่บุคคลทั้งสามจะพึงได้รับตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือโจทก์มีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นอย่างใด ดังนี้ การกระทำของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th