ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2534ผู้ร้องได้เข้าประมูลซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน 86-1828กรุงเทพมหานคร ได้จากการขายทอดตลาดของศาล ผู้ร้องจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์ดังกล่าว ต่อมาโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดธัญบุรีไปยึดทรัพย์ดังกล่าวข้างต้นซึ่งโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยที่ 1ขอให้มีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ของผู้ร้อง โดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น

โจทก์คัดค้านว่า รถยนต์ที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดธัญบุรียึดเป็นของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ของผู้ร้องจำเลยได้ร่วมกับผู้ร้องเข้าร่วมประมูลซื้อรถยนต์จากการขายทอดตลาดโดยจำเลยเป็นผู้ชำระราคา เมื่อประมูลได้จึงใส่ชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทนจำเลยที่ 1การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเสียเปรียบ ไม่มีผลทำให้รถยนต์เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้องขัดทรัพย์

ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ถอนการยึดรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-7775 พระนครศรีอยุธยา คำขออื่นให้ยก

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ร้องมีชื่อเป็นผู้ประมูลซื้อรถยนต์คันพิพาทจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีและมีชื่อเป็นเจ้าของรถยนต์ในหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องซื้อรถยนต์คันพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดธัญบุรีและจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทะเบียนรถยนต์แล้ว รถยนต์คันพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องได้เงินมาอย่างไร ชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330จะบัญญัติว่าสิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลมิเสียไป แต่บุคคลดังกล่าวก็ต้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินที่แท้จริง หากบุคคลดังกล่าวเป็นแต่เพียงตัวแทนของบุคคลอื่นในการซื้อทรัพย์สินจากการทอดตลาดบุคคลดังกล่าวย่อมไม่ใช่เจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ซื้อนั้น และการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทะเบียนรถยนต์ก็ไม่มีผลทำให้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่ซื้อ เพราะผู้มีชื่อในทะเบียนรถยนต์จะเป็นเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ต่อเมื่อเป็นเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง ปัญหาจึงมีว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อรถยนต์คันพิพาทที่แท้จริงหรือจำเลยที่ 1เป็นผู้ซื้อและใส่ชื่อผู้ร้องแทน ปัญหาดังกล่าวนี้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า รถยนต์คันพิพาทจำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อโดยใส่ชื่อผู้ร้องแทน รถยนต์คันพิพาทจึงเป็นของจำเลยที่ 1 มิใช่ของผู้ร้องผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยรถยนต์คันพิพาท

พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th