คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2525
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 194, 195, 226, 228, 491, 1316, 1317 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55
จำเลยขายฝากเรือนเลขที่ 126 ขนาดกว้าง 8 ศอก ยาว 3วาให้โจทก์ ต่อมาระหว่างอายุสัญญาจำเลยรื้อเรือนดังกล่าวแล้วสร้างขึ้นใหม่กว้าง 3 วา ยาว 4 วาโดยใช้ไม้ของเรือนหลังเดิมบางส่วน และใช้บ้านเลขที่ 126 ตามเดิมดังนี้ถือได้ว่าเรือนหลังเดิมซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามสัญญาขายฝากและเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้สิ้นสภาพไปแล้วเรือนหลังใหม่คือเรือนพิพาทย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับของสัญญาขายฝากโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนพิพาท คงมีอำนาจที่จะว่ากล่าวแก่จำเลยในกรณีที่จำเลยรื้อเรือนหลังเดิมอันเป็นวัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาขายฝากเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขายฝากเรือนเลขที่ 126 แก่โจทก์มีกำหนด 1 ปี6 เดือน เป็นเงิน 18,000 บาท หากจำเลยไม่ไถ่ถอนภายในกำหนด จำเลยจะทำการขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไป เมื่อครบกำหนดไถ่ถอน จำเลยไม่ไถ่ถอนและไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไป ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลย
จำเลยให้การว่า ได้ขายฝากเรือนเลขที่ 126 ให้แก่โจทก์จริงแต่เรือนพิพาทเป็นคนละหลังกับเรือนที่ขายฝาก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากเรือนพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าวัตถุแห่งหนี้ของสัญญาขายฝากคือเรือนหลังเดิมที่ถูกรื้อไปแล้ว แม้เรือนที่ปลูกใหม่จะใช้ไม้ของเรือนเดิมก็ตาม ก็หาทำให้เรือนใหม่กลายเป็นวัตถุแห่งหนี้แห่งสัญญาขายฝากไม่ โจทก์ชอบที่จะว่ากล่าวแก่จำเลยในการที่จำเลยรื้อเรือนหลังเดิมไป ไม่ชอบที่จะฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนหลังใหม่ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยขายฝากเรือนเลขที่ 126 แก่โจทก์เป็นเงิน18,000 บาท กำหนดเวลา 1 ปี 6 เดือน ระหว่างอายุสัญญาจำเลยรื้อเรือนหลังที่ทำสัญญาขายฝากแก่โจทก์ แล้วสร้างเป็นเรือนหลังใหม่ในที่เดิมโดยใช้ไม้บางส่วนของเรือนหลังเดิม จำเลยไม่ได้ไถ่ถอนการขายฝาก ดังนี้ วัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาขายฝากระหว่างโจทก์จำเลยคือเรือนเลขที่ 126 ซึ่งปรากฏว่าจำเลยรื้อไปแล้วและจำเลยได้สร้างเรือนหลังใหม่ คือ เรือนพิพาท แม้จะใช้ไม้ของเรือนหลังเดิมบางส่วนมาปลูกสร้างและคงใช้บ้านเลขที่ 126 ก็ตาม ก็ถือได้ว่าเรือนหลังเดิมซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามสัญญาขายฝากและเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้สิ้นสภาพไปแล้ว เรือนหลังใหม่ คือ เรือนพิพาทย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับของสัญญาขายฝาก โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยคงมีแต่อำนาจที่จะว่ากล่าวแก่จำเลยในกรณีที่จำเลยรื้อเรือนหลังเดิม อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ ตามสัญญาขายฝากเท่านั้น
พิพากษายืน แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวแก่จำเลยในกรณีที่จำเลยรื้อเรือนหลังเดิมอันเป็นวัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาขายฝากต่อไป
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสาวจุรีย์ พื้นนาค จำเลย - นายอนันต์ แดงพลอย
ชื่อองค์คณะ อำนวย อินทุภูติ สุทิน เลิศวิรุฬห์ เริ่ม ธรรมดุษฎาี
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan