ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 34,172.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 33,180 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ค่าชดเชยที่นายมานิตย์รับไปจากโจทก์เป็นเงินที่จ่ายโดยผิดกฎหมาย นายมานิตย์ได้เงินดังกล่าวโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบจึงเป็นลาภมิควรได้ โจทก์ทราบว่ามีสิทธิเรียกค่าชดเชยคืนตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2540 แต่ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2543 พ้นกำหนด 1 ปี นับแต่โจทก์รู้ว่ามีสิทธิเรียกคืน คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าชดเชยจากจำเลยฐานลาภมิควรได้หรือในฐานะของทรัพย์สินติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิยึดถือทรัพย์ไว้และฟ้องของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับโอนนายมานิตย์ลูกจ้างประจำศูนย์ฝึกการบินพลเรือนในประเทศไทย กรมการบินพาณิชย์ มาเป็นพนักงานของโจทก์เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2536 จนเกษียณอายุเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2536 โจทก์จ่ายค่าชดเชยกรณีเกษียณอายุซึ่งคำนวณโดยนับอายุงานต่อเนื่องกับอายุงานของที่ทำงานเดิมจำนวนเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 180 วัน เป็นเงิน 33,180 บาท ให้แก่นายมานิตย์ไปเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2540 การคำนวณค่าชดเชยโดยนับอายุงานต่อเนื่องดังกล่าวขัดต่อพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันการบินพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 38 ซึ่งให้ถือว่าการโอนลูกจ้างจากศูนย์ฝึกการบินพลเรือนในประเทศไทยเป็นการให้ออกจากงานเพราะทางราชการยุบตำแหน่งหรือเลิกจ้างและให้ได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง พนักงานที่รับโอนมาได้รับสิทธิประโยชน์จากทางราชการครบถ้วนสมบูรณ์ไปแล้ว จะนับระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องเพื่อสิทธิประโยชน์รับค่าชดเชยหรือเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงานอีกไม่ได้ การที่นายมานิตย์ได้รับค่าชดเชยจำนวน 33,180 บาท จากโจทก์เป็นการรับเงินโดยไม่สุจริต โดยรู้อยู่ว่าไม่มีสิทธิจะได้รับ เป็นการได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และทำให้โจทก์เสียเปรียบ ดังนี้ ฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องว่านายมานิตย์ได้มาซึ่งค่าชดเชยเพราะการที่โจทก์กระทำเพื่อชำระหนี้โดยนายมานิตย์ปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางทำให้โจทก์เสียเปรียบ อันเป็นลาภมิควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 406 วรรคหนึ่ง มิใช่เป็นการฟ้องในฐานะเจ้าของทรัพย์สินเรียกเอาคืนทรัพย์สินจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ตามมาตรา 1336 โจทก์จึงต้องฟ้องคดีภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้นตามมาตรา 419

ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ทราบว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้รับหนังสือของกระทรวงการคลัง โดยข้อเท็จจริงในสำนวนไม่ปรากฏว่าผู้แทนนิติบุคคลของโจทก์หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนทราบเรื่องดังกล่าวเมื่อใดนั้นเป็นการไม่ชอบ กรณีจึงยังไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าโจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนเมื่อใดอันเป็นกำหนดตั้งต้นนับอายุความ

พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าผู้แทนนิติบุคคลของโจทก์หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนทราบเรื่องเมื่อใด แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ร.766/2544

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th