ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์ได้ซื้อที่นาเนื้อที่ประมาณ 24 ไร่เศษ จากบิดาจำเลย และได้โอนให้บุคคลอื่นไปบ้างแล้ว คงเหลืออยู่บางส่วน ที่นาที่เหลือส่วนหนึ่งให้จำเลยและบริวารเช่า ต่อมามารดาโจทก์ได้ยกที่นาที่ให้จำเลยและบริวารเช่าให้โจทก์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมาจำเลยไม่ชำระค่าเช่าและได้ฟ้องมารดาโจทก์ต่อศาลจังหวัดลพบุรี ผลที่สุดศาลพิพากษายกฟ้องตามคดีดำที่ 152/2513คดีแดงที่ 375/2513 โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยและบริวารเช่าต่อไป ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปและมอบที่นาให้โจทก์ให้จำเลยเสียค่าเช่าปีละ 60 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

จำเลยให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่าจำเลยไม่ได้เช่าที่นาจากโจทก์หรือมารดาโจทก์ โจทก์จะเป็นเจ้าของที่นาหรือไม่จำเลยไม่ทราบ ที่นาที่จำเลยอาศัยอยู่เดิมเป็นของมารดาจำเลย ต่อมาที่นาดังกล่าวเป็นมรดกตกได้แก่จำเลย จำเลยได้ครอบครองมา ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและคืนที่พิพาทให้โจทก์ในสภาพปกติ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายืน

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อ พ.ศ. 2513 จำเลยได้เป็นโจทก์ฟ้องนางสีทามารดาโจทก์ว่า นายมาบิดาจำเลยได้กู้เงินนางสีทามารดาโจทก์จำนวน 300 บาทแล้วมอบที่นาเนื้อที่ 24 ไร่เศษให้นางสีทามารดาโจทก์ยึดถือทำกินแทนดอกเบี้ยต่อมานายมาบิดาจำเลยตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกจึงขอไถ่ที่นาคืน นางสีทามารดาโจทก์ไม่ยอม จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ นางสีทามารดาโจทก์ให้การว่า เมื่อ พ.ศ. 2478นายมาบิดาจำเลยได้ขายที่นาดังกล่าวให้นางสีทามารดาโจทก์ มิใช่เป็นการกู้เงินและมอบที่นาให้ทำกินต่างดอกเบี้ย ต่อมานางสีทามารดาโจทก์ได้ขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วขายให้บุคคลอื่นไปบางส่วน คงเหลือประมาณ 100 ตารางวาจึงให้จำเลยปลูกเรือนอาศัยอยู่ ศาลฟังตามที่นางสีทามารดาโจทก์ต่อสู้ พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 375/2513 ของศาลจังหวัดลพบุรี ต่อมานางสีทามารดาโจทก์ยกที่นาส่วนที่ยังเหลือนี้ให้โจทก์แล้วนางสีทามารดาโจทก์ตาย โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ซึ่งที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่แปลงเดียวกันกับที่พิพาทในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 375/2513

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยฟ้องมารดาโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 375/2513 ว่าที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่า จำเลยครอบครองอยู่เป็นของจำเลย ก็เท่ากับจำเลยได้แสดงเจตนาแย่งการครอบครองที่พิพาท แม้มารดาโจทก์ได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ในปี พ.ศ. 2513 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นก็เท่ากับ โจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองแล้วเช่นกัน โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 375/2513 ฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทอยู่โดยอาศัยสิทธิของนางสีทามารดาโจทก์ จำเลยจะโต้เถียงฝ่าฝืนคำพิพากษา ซึ่งถึงที่สุดแล้วว่าจำเลยได้แสดงเจตนาแย่งการครอบครองที่พิพาทอีกไม่ได้ โจทก์ได้รับโอนที่พิพาทมาถือได้ว่าได้รับโอนมาทั้งสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับที่พิพาทด้วย การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาต้องถือว่าจำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิของโจทก์ แม้นานเท่าใดก็หาเป็นการแย่งการครอบครองไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th