ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้สืบเนื่องมากจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด เจ้าหนี้รายที่ 7 ยื่นคำขอรับชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชี รวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัยพ์เด็ดขาด และค่าฤชาธรรมเนียมตามคำพิพากษา รวมเป็นเงิน 2,800,447.18 บาทโดยขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของลูกหนี้ที่ 1 ส่วนที่เหลือขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ฑ.ศ. 2483 มาตรา 96(3)

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นควารให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเงิน 2,677,746.07 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสอง โดยให้ได้รับชำระหนี้จากเงินได้จากการขายทรัพย์จำนองตามมาตรา 96(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 หากยังขาดอีกเท่าใดจึงให้ได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 130(8) ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสีย

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

เจ้าหนี้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองเป็นเงินจำนวน 2,374,467.10 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี ในต้นเงิน2,305,519.60 บาท นับแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2528 เป็นต้นไปถึงวันที่29 กรกฎาคม 2528 จากนั้นให้คิดดอกเบี้ยแบบธรรมดาไม่ทบต้นอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากต้นเงินอันเป็นยอดหนี้ในวันที่ 29 กรกฎาคม2528 นับแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2528 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2528ร้อยละ 17.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2528 ถึงวันที่ 4มีนาคม 2529 และร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529 ถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2529 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจจฉัยว่า ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่ได้ต่อสัญญาออกไปมีกำหนด 12 เดือน ตามเอกสารหมาย จ.23 ได้ครบกำหนดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2528 แต่เมื่อครบกำหนดแล้วไม่มีการเลิกสัญญาลูกหนี้ที่ 2 ยังคงนำเงินเข้าบัญชีและเบิกเงินไปจากบัญชี ถือว่าได้มีการต่ออายุสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีออกไปโดยไม่มีกำหนด เจ้าหนี้จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจนถึงวันเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 28มิถุนายน 2528 เจ้าหนี้ได้ทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองภายใน30 วัน ลูกหนี้ทั้งสองได้รับหนังสือบอกกล่าวในวันที่ 29 มิถุนายน2528 แต่เมื่อครบ 30 วันแล้วลูกหนี้ที่ 2 ไม่ชำระหนี้ จึงถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2528เจ้าหนี้จึงมีสิทธิคิดอกเบี้ยทบต้นจนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2528ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ18.5 ต่อปี ในต้นเงิน 2,305,519.60 บาท จนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม2528 จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนดอกเบี้ยถัดจากวันที่ 29 กรกฎาคม 2528 นั้นเจ้าหนี้ไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศให้ธนาคารเจ้าหนี้มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากลูกค้าในอัตราเท่าใด และภายหลังจากเลิกสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีแล้วเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยอัตราใด เจ้าหนี้จึงคงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยจากลูกหนี้ทั้งสองในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์กำหนด ฎีกาส่วนนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังขึ้น

สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับตามคำพิพากษาศาลแพ่งธนบุรีคดีหมายเลขแดงที่ 3668/2529 จำนวน 69,047.50 บาทนั้น เห็นว่า ลูกหนี้ทั้งสองถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่23 กรกฎาคม 2529 ศาลแพ่งธนบุรีมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2529 ภายหลังที่ลูกหนี้ทั้งสองถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าค่าฤชาธรรมเนียมเป็นมูลหนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อใด ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อเจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้ทั้งสอง เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 ซึ่งเป็นความรับผิดที่โจทก์ผู้ยื่นคำฟ้องจะต้องชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลยังไม่เกิดมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาและให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงจะมีความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161คดีดังกล่าวศาลแพ่งธนบุรีได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2529มูลหนี้ค่าฤชาธรรมเนียมจึงเกิดขึ้นตามคำพิพากษา หาใช่เกิดขึ้นเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีไม่ ค่าฤชาธรรมเนียมจึงเป็นมูลหนี้ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธินำมาขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 ฎีกาส่วนนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังขึ้นเช่นกัน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองในต้นเงิน2,305,519.60 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2528 เป็นต้นไป ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2528 จากนั้นให้คิดดอกเบี้ยแบบธรรมดาไม่ทบต้นอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินอันเป็นยอดหนี้ในวันที่ 29 กรกฎาคม2528 ถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2529 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th