ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2506 เวลากลางวัน จำเลยกับพวก 18 คนออกไล่ยิงหมูป่า โดยจำเลยกับนายมีผู้ตายกับพวกรวม 8 คน มีอาวุธปืนคนละ 1 กระบอกอยู่เฝ้าล้อมดงผาเวอคอยยิงหมูป่า ส่วนพวกที่เหลือคอยตามรอยต้อนหมูป่าให้ออกจากดงผาเวอจำเลยกระทำการโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังได้ยินเสียงเหมือนหมูป่าเหยียบไม้มาทางจำเลย และจำเลยมองเห็นหมูป่ากำลังลอดไม้มาทางจำเลย ๆ จึงใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด ปรากฏว่ากระสุนปืนถูกนายมีถึงแก่ความตาย เหตุเกิดตำบลมาย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนครขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ริบปืนของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง และขอให้ศาลลงโทษในสถานเบาหากจะลงโทษจำคุกก็ขอให้รอการลงโทษ โจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291วางโทษจำคุก 4 ปี จำเลยรับสารภาพ บรรเทาโทษให้กึ่งหนึ่งตาม มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษเพียงปรับ หรือวางโทษจำคุกต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดและรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ปรึกษาว่า ฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปีและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ศาลตั้งให้คดีนี้ศาลชั้นต้นมิได้สอบถาม กระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นปฏิบัติมาจึงไม่ถูกต้อง สมควรให้ศาลชั้นต้นปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกาในปัญหาว่า คดีนี้ ศาลจำต้องสอบถามจำเลยในเรื่องทนายหรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ แม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2499 ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปได้ก็ตาม แต่โจทก์จะอ้างว่า เมื่อไม่ต้องมีการสืบพยาน ซึ่งจะไม่มีการซักค้านพยานกันต่อไปแล้ว ศาลก็ไม่จำต้องถามจำเลยเรื่องทนายความตามมาตรา 173 นั้นหาได้ไม่เพราะมาตรา 173 ที่บัญญัติว่า "ในคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป ฯลฯ ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการก็ให้ศาลตั้งทนายให้" มิได้ถูกแก้ไขด้วยประการใด ยังใช้บังคับอยู่ตามเดิม มาตรา 176 ที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ก็มิได้ยกเว้น การปฏิบัติตามมาตรา 173 นี้ ทั้งการปฏิบัติตามมาตรา 173 ย่อมเป็นผลดีแก่จำเลยที่จะได้มีทนายความดำเนินคดีรักษาประโยชน์ของจำเลยมาแต่ต้น เป็นคนละส่วนกับการพิพากษาคดีของศาล เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกได้ถึงสิบปี เข้าตาม มาตรา 173 ก็ไม่มีเหตุอันใดที่ศาลจะไม่ต้องสอบถามจำเลยเรื่องทนาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th