ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคแรก, 160 วรรคแรก และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกลงโทษจำคุก 1 เดือน ความผิดฐานแจ้งความเท็จ จำคุก 1 เดือนรวมจำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตา 78 คงจำคุก 1 เดือนให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องความผิดฐานแจ้งความเท็จและรอการลงโทษในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 15 วัน ให้ยกฟ้องความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานหรือไม่ ในปัญหานี้เห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ซึ่งกำหนดอัตราโทษไว้ให้จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับโดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2539 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถยนต์สามล้อเครื่องของผู้เสียหายทำให้รถยนต์สามล้อเครื่องได้รับความเสียหาย แล้วจำเลยไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายตามสมควรและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทราบในทันที และภายหลังจากที่จำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยแจ้งข้อความต่อร้อยตำรวจเอกวินัย ชูประเทศ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบุปฝาราม ขณะปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ว่า "ภายหลังเกิดเหตุรถชนกันแล้วผู้ขับขี่รถสามล้อเครื่องได้หลบหนีไป" ซึ่งเป็นความเท็จความจริงแล้วคนขับรถสามล้อเครื่องยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุการกระทำของจำเลยน่าจะทำให้ร้อยตำรวจเอกวินัยหรือประชาชนเสียหาย จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง และศาลชั้นต้นได้พิพากษาโดยเห็นสมควรว่าไม่ต้องสืบพยานหลักฐานต่อไป ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามฟ้องว่าจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบุปผารามซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2539 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยตกเป็นผู้ต้องหาฐานขับรถยนต์เฉี่ยวชนรถยนต์สามล้อเครื่องของบุคคลอื่นเสียหายแล้วไม่ได้หยุดช่วยเหลือผู้เสียหายตามสมควรและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทราบในทันที อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 ผู้ต้องหาจะให้การหรือไม่ให้การเลยก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ดังนั้นที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนตอบสอบปากคำเบื้องต้น แม้จะไม่เป็นความจริงก็ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อพนักงาน นั้น ปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าต่อมาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2539 เจ้าพนักงานจับจำเลยได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธพนักงานสอบสวนได้ขอผัดฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยให้การรับสารภาพ และได้ความจากคำร้องขอผักฟ้องและฝากขังครั้งที่ 1 ว่า พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบุปฝารามได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอผัดฟ้องและฝากขังจำเลยเมื่อวันที่16 กุมภาพันธ์ 2539 โดยระบุในคำร้องดังกล่าวว่าจำเลยถูกจับเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2539 โดยถูกกล่าวหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนทรัพย์สินเสียหายไม่หยุดให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตนและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43(4), 78, 157, 160 วรรคหนึ่ง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าวตามฟ้องแก่เจ้าพนักงานในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2539จึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเช่นนั้นแก่เจ้าพนักงานก่อนจำเลยถูกสอบสวนว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 หรือไม่ มิใช่เป็นการให้การของจำเลยในฐานะผู้ต้องหาในความผิดดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวนอันจะทำให้จำเลยไม่มีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงปรับ 500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th