คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5349/2540
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 798, 821 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 94
ทางพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่จำเลยที่ 1 สามีของจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ต่อมาจำเลยที่ 1แบ่งแยกที่ดินส่วนที่อยู่ทางทิศใต้ของทางพิพาทออกเป็น10 แปลง เนื้อที่แปลงละ 50 ตารางวา โจทก์ซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 จำนวน 1 แปลง และผ่อนชำระเงินจนครบถ้วนแล้วโจทก์และผู้ซื้อที่ดินรายอื่นใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณะการที่ต่อมาจำเลยที่ 2 ทำบันทึกยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะคิดค่าตอบแทนจากโจทก์และผู้ซื้อที่ดินรายอื่นเป็นเงินรายละ 20,000 บาท โดยบางครั้งจำเลยที่ 2เป็นผู้รับชำระค่าที่ดินนั้น การที่จำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2 เก็บเงินค่าผ่อนชำระราคาที่ดินจากผู้ซื้อและรับชำระเงินค่าผ่อนที่ดินแทน และฝ่ายจำเลยที่ 1 เพิ่งจะไม่ยอมตกลงยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะหลังจากจำเลยที่ 2ตกลงทำบันทึกยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะแล้วถึง20 กว่าวัน เป็นการแสดงออกของจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2ออกเป็นตัวแทน หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 เกี่ยวกับที่ดินของจำเลยที่ 1ตลอดมาได้ว่าจำเลยที่ 1 เชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนไปทำบันทึกยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะโดยคิดค่าตอบแทนจากโจทก์และผู้ซื้อที่ดินรายอื่นแล้ว จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือหรือไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หาได้ไม่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเปิดทางด้านทิศใต้ของที่ดินโฉนดเลขที่ 52386 นครราชสีมา มีความกว้าง 4 เมตร ยาว 80 เมตร ให้เป็นทางสาธารณะและยอมรับค่าตอบแทนเป็นเงิน 20,000 บาท จากโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การว่า ทางพิพาทเป็นที่ดินของจำเลยทั้งสองจำเลยที่ 1 ไม่เคยรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำบันทึกยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะ จำเลยที่ 2 ทำบันทึกดังกล่าวเพราะถูกโจทก์กับพวกหลอกลวง ฉ้อฉลจำเลยที่ 1 บอกล้างไปยังโจทก์แล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเปิดทางพิพาททางด้านทิศใต้ของที่ดินโฉนดเลขที่ 52386 ให้เป็นทางสาธารณะ มีความกว้าง 4 เมตร ยาว 80 เมตร และให้โจทก์ชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 20,000 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสอง คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าทางพิพาทกว้าง 4 เมตร ยาว 80 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 52386 มีจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 2เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ที่ดินดังกล่าวเดิมมีเนื้อที่ 19 ไร่ต่อมาจำเลยที่ 1 แบ่งแยกที่ดินส่วนที่อยู่ทางทิศใต้ของทางพิพาทออกเป็น 10 แปลง เนื้อที่แปลงละ 50 ตารางวา โจทก์ซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 จำนวน 1 แปลง และผ่อนชำระเงินจนครบถ้วนแล้วโจทก์และผู้ซื้อที่ดินรายอื่นใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณะด้านตะวันออก เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2535 จำเลยที่ 2 ทำบันทึกยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะคิดค่าตอบแทนจากโจทก์และผู้ซื้อที่ดินรายอื่นเป็นเงินรายละ 20,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.6
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ 2เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ทำบันทึกยกที่ดินตามเอกสารหมาย จ.6หรือไม่ และจำเลยที่ 2 กระทำไปเพราะถูกฉ้อฉลหรือไม่จำเลยทั้งสองอ้างว่า การที่จำเลยที 1 ตั้งจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทน การตั้งตัวแทนกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798นั้น เป็นกรณีที่บุคคลกระทำการตั้งตัวแทนโดยมีการตกลงกันระหว่างตัวการและตัวแทน ส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 นั้น เป็นกรณีที่มิได้มีการตกลงการตั้งตัวแทน แต่เป็นการที่บุคคลหนึ่งแสดงออกหรือยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งแสดงออกต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตให้เขาหลงเชื่อว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน กฎหมายจึงบัญญัติให้บุคคลซึ่งแสดงออกหรือยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งแสดงออกต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ในการตอบคำถามค้านของทนายโจทก์ว่าบางครั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับชำระค่าที่ดิน การที่จำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2 เก็บเงินค่าผ่อนชำระราคาที่ดินจากผู้ซื้อและรับชำระเงินค่าผ่อนที่ดินแทน และฝ่ายจำเลยที่ 1 เพิ่งจะไม่ยอมตกลงยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะหลังจากจำเลยที่ 2 ตกลงทำบันทึกยกทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะตามบันทึกเอกสารหมาย จ.6 แล้วถึง 20 กว่าวัน เป็นการแสดงออกของจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2ออกเป็นตัวแทน หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 เกี่ยวกับที่ดินของจำเลยที่ 1 ตลอดมาจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนไปทำบันทึกเอกสารหมาย จ.6 จริง ดังนั้น จะอ้างว่าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือหรือไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หาได้ไม่
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง วิไล สุพรรณพิศ จำเลย - นาย ชม ชุด ทะเล กับพวก
ชื่อองค์คณะ สิงหะ สัตยธรรม อุระ หวังอ้อมกลาง เสริม บุญทรงสันติกุล
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan