ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนม-4667 สมุทรสาคร และได้ให้นายทินกร เฟื่องขจร เช่าซื้อไปส่วนจำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมา เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2534นายมนัส ทองนุสนธ์ ลูกจ้างของจำเลยปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมาของจำเลยไปตามถนนมิตรภาพจากอำเภอสีคิ้วมุ่งหน้าไปอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความประมาทเลินเล่อโดยขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แซงรถยนต์คันอื่นล้ำเข้าไปช่องเดินรถที่แล่นสวนทางมาในขณะที่การจราจรพลุกพล่าน อันเป็นที่คับขัน เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมา เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-4667 สมุทรสาคร ของโจทก์ ซึ่งมีนายทินกรเป็นผู้ขับสวนทางมา ทำให้รถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 236,138 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 220,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า นายมนัสไม่ได้เป็นตัวแทนทำการตามคำสั่งและในกิจการของจำเลย แต่นายมนัสได้ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-2602 นครราชสีมา ไปโดยส่วนตัวของนายมนัสจำเลยไม่ได้รู้เห็นหรือยินยอมอนุญาตแต่อย่างใด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน195,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่15 เมษายน 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายมนัสลูกจ้างจำเลยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุของจำเลยด้วยความประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่านายมนัสกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจโทยศนันท์ ชมบุญเป็นพยานเบิกความว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่า วันเกิดเหตุนายมนัสนำรถยนต์บรรทุกออกไปได้เพราะจำเลยได้มอบกุญแจรถให้นายมนัสเก็บรักษาไว้ ส่วนนายมนัสให้การว่า จำเลยมอบรถยนต์บรรทุกและกุญแจรถให้เก็บรักษาไว้ ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยเป็นพยานเบิกความว่า นายมนัสมีบ้านพักอยู่ห่างบ้านจำเลยประมาณ200 เมตร หลังจากนายมนัสนำรถยนต์บรรทุกไปส่งของแล้วจะต้องนำรถยนต์บรรทุกจอดไว้ที่บ้านนายมนัส ส่วนกุญแจรถจะต้องเก็บไว้ที่บ้านจำเลย วันเกิดเหตุไม่มีคนอยู่บ้านนายมนัสเข้าไปเอากุญแจรถเอง ศาลฎีกาวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบแล้วมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้มอบรถยนต์บรรทุกและกุญแจรถให้นายมนัสเก็บรักษาไว้ ดังนั้นพฤติการณ์ที่จำเลยยินยอมให้นายมนัสนำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุและกุญแจรถไปเก็บไว้ที่บ้านนายมนัส ถือได้ว่าจำเลยยินยอมให้นายมนัสนำรถยนต์บรรทุกออกไปใช้ได้ตลอดเวลา ตราบใดที่รถยนต์บรรทุกยังไม่กลับมาอยู่กับจำเลยก็ย่อมต้องถือว่านายมนัสขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลย จำเลยต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดด้วย

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th