ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยอ้างเหตุว่าจำเลยล้มป่วยโดยโรคผิดปกติทางประสาทและจิต ตั้งแต่ปลายปี 2522 มีอาการเพ้อเจ้อคุ้มดีคุ้มร้ายอาละวาดและไม่ยอมให้โจทก์ร่วมประเวณี แพทย์ลงความเห็นว่าจำเลยมีอาการทางโรคจิตอย่างร้ายแรง ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนหย่า ให้โจทก์เป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์และให้จำเลยแบ่งสินสมรสให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ต่อมาโจทก์จำเลยร่วมกันแถลงว่าสามารถตกลงกันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ยื่นต่อศาลมีใจความว่า โจทก์จำเลยจะจดทะเบียนหย่ากันภายใน 15 วันโจทก์ยอมจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลย เดือนละ 6,000 บาท และยอมให้สินสมรสตามฟ้องเป็นของจำเลย จำเลยยอมให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์

ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

จำเลยอุทธรณ์ว่า สินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยมีมูลค่าไม่น้อยกว่า10 ล้านบาท โจทก์ประสงค์จะหย่ากับจำเลยเพื่อไปสมรสกับหญิงอื่นโจทก์หลอกลวงฉวยโอกาสพาจำเลยซึ่งเป็นคนวิกลจริตไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยลำพังไม่ให้ญาติจำเลยทราบ และจำเลยไม่มีทนายแม้ศาลจะอ่านข้อความใด ๆ ให้ฟังจำเลยก็ไม่เข้าใจเนื่องจากจำเลยวิกลจริต ไม่มีความรู้สึกผิดชอบ ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยถูกโจทก์ฉ้อฉลหรือไม่พิเคราะห์แล้วปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์เองว่า จำเลยล้มป่วยเป็นโรคผิดปกติทางประสาทและจิตมาตั้งแต่ปลายปี 2522 และแพทย์ลงความเห็นว่าจำเลยมีอาการโรคจิตอย่างร้ายแรงไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากโจทก์ยื่นฟ้องเพียงเดือนเดียวจำเลยก็ไม่มีทนายความตามคำแก้อุทธรณ์และฎีกาโจทก์ไม่ได้โต้เถียงว่ามิได้ปิดบังลอบพาจำเลยไปศาล ได้แต่โต้แย้งว่า ขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยมีความรู้สึกผิดชอบดีทุกประการ ซึ่งก็ขัดกับข้ออ้างที่โจทก์ยกขึ้นเป็นเหตุฟ้องหย่าว่าจำเลยมีอาการทางโรคจิตอย่างร้ายแรงไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุผลให้รับฟังได้ตามข้ออ้างของจำเลยว่า โจทก์ฟ้องแล้วใช้อุบายพาจำเลยซึ่งวิกลจริตไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นกรณีที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความไป เพราะถูกโจทก์ฉ้อฉล จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนสัญญานั้นและคำพิพากษาตามยอมได้

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th