ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 91, 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 170,000 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางาน และคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคแรก, 82ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยก

จำเลยและโจทก์อุทธรณ์ โดยอัยการสูงสุดรับรองให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 อีกกระทงหนึ่งให้จำคุก 2 ปี รวมจำคุกจำเลย 5 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 170,000 บาทแก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยจำเลยยกขึ้นอ้างได้แม้ว่าจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลล่างทั้งสอง ทั้งนี้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 195 วรรคสอง และเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ในตอนแรกที่บรรยายว่า ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม ถึงวันที่23 มิถุนายน 2534 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายซึ่งประสงค์จะไปทำงานให้แก่นายจ้างที่ประเทศญี่ปุ่นโดยจำเลยกับพวกเรียกและรับเงินค่าบริการเป็นค่าตอบแทนการจัดหางานจากผู้เสียหายซึ่งเป็นคนหางานโดยจำเลยกับพวกมิได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมายส่วนคำฟ้องของโจทก์ตอนหลังที่บรรยายว่า ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม2534 ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2534 เวลากลางวันต่อเนื่องกันจำเลยกับพวกโดยทุจริต ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดส่งคนหางานไปทำงานยังประเทศญี่ปุ่นได้อันเป็นความเท็จ ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมายและไม่สามารถจัดส่งคนไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นได้ตามที่จำเลยกับพวกได้หลอกลวงแต่อย่างใด โดยการหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริงตามที่จำเลยกับพวกหลอกลวงนั้น จึงตกลงให้จำเลยกับพวกจัดหางานให้ผู้เสียหายและโดยการหลอกลวงนั้นเป็นเหตุให้จำเลยกับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายโดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องยืนยันว่า จำเลยกระทำผิดคราวเดียวกัน 2 ฐานปล่อยให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดจากผลของการพิจารณาข้อเท็จจริงเอาเองทั้งจำเลยให้การปฏิเสธคำฟ้องโจทก์ตลอดข้อกล่าวหา แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมและเห็นว่าคำฟ้องตอนแรกบรรยายว่า จำเลยจัดหางานโดยเรียกรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมายแต่คำฟ้องตอนหลังของโจทก์ที่ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดส่งคนหางานไปทำงานยังประเทศญี่ปุ่นได้ ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่สามารถจัดส่งคนไปทำงานในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ได้หลอกลวงแต่อย่างใด เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีเจตนาจัดหางาน การกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30, 82 แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายหรือได้รับส่วนแบ่งจากทรัพย์สินที่ผู้เสียหายต้องเสียไป จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง

พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th