สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2564

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2564

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 33 (1), 336 ทวิ

ป.อ. มาตรา 336 ทวิ บัญญัติให้ผู้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ต้องรับโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้อีกกึ่งหนึ่ง กรณีที่มียานพาหนะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดสามกรณีคือ ผู้กระทำความผิดใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมเท่านั้น มิใช่บัญญัติให้ถือว่ายานพาหนะนั้นเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จำเลยทั้งสองกับพวกลักทรัพย์ลวดทองแดงสำเร็จแล้ว จึงนำลวดทองแดงของผู้เสียหายที่ลักมาซุกซ่อนบรรทุกในรถกระบะของกลางพาลวดทองแดงนั้นไป รถกระบะของกลางจึงไม่ใช่เครื่องมือหรือเป็นส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์อันเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงและไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด อันจะพึงริบตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 335, 336 ทวิ, 357 ริบรถกระบะ ของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) วรรคแรก ประกอบมาตรา 336 ทวิ, 83 จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี 15 เดือน และปรับจำเลยทั้งสองคนละ 30,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 13 เดือน 15 วัน และปรับคนละ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมความประพฤติของจำเลยทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนด 1 ปี กับให้จำเลยทั้งสองกระทำกิจกรรมบริการสังคมจำนวน 18 ชั่วโมง (ที่ถูก คนละ 18 ชั่วโมง) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกฟ้องข้อหารับของโจร รถกระบะของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยทั้งสองใช้ในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์โดยตรง ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลมีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) จึงให้ยกคำขอในส่วนนี้

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถกระบะ ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า รถกระบะ ของกลาง เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าในการลักทรัพย์ตามฟ้องจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้รถกระบะของกลางเป็นยานพาหนะในการบรรทุกซุกซ่อนพาทรัพย์นั้นไป อันเป็นการใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม จึงเป็นการฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา มาตรา 335 (7) วรรคแรก ประกอบมาตรา 336 ทวิ ซึ่งมาตรา 336 ทวิ เป็นบทบัญญัติที่บัญญัติให้ผู้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ต้องรับโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้อีกกึ่งหนึ่ง กรณีที่มียานพาหนะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดสามกรณีคือ ผู้กระทำความผิดใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ดังนั้นบทบัญญัติมาตรา 336 ทวิ จึงเป็นเพียงบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษหนักขึ้นเท่านั้น มิใช่บัญญัติให้ถือว่ายานพาหนะนั้นเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด การที่จะริบรถกระบะของกลางจึงต้องเป็นกรณีที่เป็นทรัพย์ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) แม้คดีนี้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ แต่ข้อเท็จจริงตามฟ้องก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์ลวดทองแดง น้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัมของผู้เสียหายแล้วนำไปบรรทุกซุกซ่อนในรถกระบะของกลางพาลวดทองแดงนั้นไป พฤติการณ์ตามที่บรรยายในคำฟ้องดังกล่าวฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสองกับพวกลักทรัพย์ลวดทองแดงสำเร็จแล้ว จำเลยกับพวกจึงนำลวดทองแดงของผู้เสียหายที่ลักมาบรรทุกในรถกระบะของกลางพาลวดทองแดงนั้นไป ดังนี้ แม้จำเลยกับพวกจะบรรทุกลวดทองแดงในลักษณะซุกซ่อน รถกระบะของกลางก็ไม่ใช่เครื่องมือหรือเป็นส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์อันเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงและไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด อันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ริบรถกระบะของกลางมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถกระบะ ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.3143/2563

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดระยอง จำเลย - นาย ส. กับพวก

ชื่อองค์คณะ ดิเรก อิงคนินันท์ ภานุวัฒน์ ศุภะพันธุ์ วินัย เรืองศรี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดระยอง - นายปัญญวัฒน์ สนใจ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 - นายสุรัตน์ชัย พรายมูล

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE