ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 3971 อำเภอพรรณานิคมจังหวัดสกลนคร พร้อมบ้าน 2 หลัง ร่วมกับนายอ่อนศรีและนายทวีศักดิ์ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2514 จำเลยและบริวารเข้ามาอยู่อาศัยโดยไม่มีสัญญาต่อกันโจทก์ไม่ประสงค์จะให้อยู่ต่อไปจึงบอกกล่าวให้จำเลยออกไป แต่จำเลยไม่ยอมออกจึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยและบริวารให้ออกไปจากที่พิพาท และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออก

จำเลยให้การว่าโจทก์และพวกไม่มีสิทธิในที่พิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายเดิมโจทก์เป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายเงินบิดาของจำเลยซึ่งเป็นชาวญวนอพยพนายเงินบิดาจำเลยได้ซื้อที่พิพาทโดยให้นายบัวบิดาโจทก์หรือพ่อตาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทนแต่นายเงินเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทและได้ปลูกบ้านลง 2 หลัง ซึ่งจำเลยผู้เป็นบุตรของนายเงินได้อยู่อาศัยตลอดมา ต่อมาพ.ศ. 2514 นายเงินตาย ที่พิพาทและบ้านจึงตกเป็นมรดกได้แก่จำเลย นายบัวบิดาโจทก์เคยทำสัญญาว่าจะโอนที่พิพาทให้แก่จำเลยแต่บิดพลิ้วกลับไปโอนให้โจทก์ จำเลยจึงฟ้องนายบัว ในที่สุดศาลจังหวัดสกลนครพิพากษาให้เพิกถอนการโอนดังกล่าว

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความรับกันตามเอกสารที่อ้าง ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย

จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเงินเป็นคนต่างด้าว โจทก์เป็นภริยาของนายเงินจำเลยเป็นบุตรนายเงินซึ่งเกิดกับภริยาอื่น นายเงินได้ออกเงินซื้อที่พิพาทไว้ แล้วให้นายบัวบิดาโจทก์ลงชื่อถือสิทธิแทน ต่อมานายเงินถึงแก่กรรม นายบัวไปขอออกโฉนด ได้รับโฉนดมาเป็นโฉนดเลขที่ 3971 หลังจากนั้นนายบัวได้ทำหนังสือสัญญาจะโอนที่พิพาทให้แก่จำเลย แล้วกลับโอนให้โจทก์ จำเลยจึงฟ้องนายบัวและโจทก์คดีนี้ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 35/2517 ของศาลจังหวัดสกลนคร ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาท ศาลจังหวัดสกลนครได้พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว เพราะเหตุนายบัวไม่อยู่ในฐานะที่จะโอนที่พิพาทให้แก่ผู้ใดได้ เนื่องจากนายบัวเป็นผู้ซื้อที่พิพาทแทนคนต่างด้าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายบัดนี้นายบัวได้ถึงแก่กรรมและโจทก์ได้ขอรับมรดกที่พิพาทไปแล้ว และวินิจฉัยว่าการที่คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและวิธีการซึ่งกำหนดโดยกฎกระทรวง และต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 แต่คดีนี้ นายเงินคนต่างด้าวได้ที่ดินแปลงพิพาทโดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ที่พิพาทที่นายเงินคนต่างด้าวได้มาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนนายบัวซึ่งได้ที่พิพาทมาในฐานะเป็นเจ้าของแทนคนต่างด้าวย่อมไม่อาจอ้างกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทได้ เมื่อนายบัวตายที่พิพาทก็ไม่ใช่มรดกของนายบัว โจทก์ไปขอรับมรดกที่พิพาทมาไม่ทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง

พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th