สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ม. 26, 75, 76

โจทก์บรรยายฟ้องข้อ ก. ว่า จำเลยมีกัญชา 3 ถุงไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และบรรยายฟ้องข้อ ข. ว่า จำเลยจำหน่ายกัญชาจำนวนและน้ำหนักไม่ปรากฏชัดอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ ก.ให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อตามฟ้องดังกล่าวโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายกัญชาอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชา 3 ถุง ตามฟ้องข้อ ก. ซึ่งยึดได้ที่บ้านจำเลยเท่านั้นแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณากลับได้ความว่ากัญชาที่ จำเลยจำหน่ายไปตามฟ้องข้อ ข. เป็นกัญชาคนละจำนวนกับกัญชา 3 ถุง ที่ยึดได้ที่บ้านจำเลย ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากที่กล่าวในฟ้องจึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ

ก. จำเลยมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5จำนวน 3 ถุง น้ำหนัก 7.5 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข. จำเลยจำหน่ายให้กัญชาจำนวนและน้ำหนักไม่ปรากฏชัดอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ ก. ให้แก่ผู้มีชื่อ โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาต

ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 26, 75, 76, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 75 วรรคหนึ่ง,76 วรรคหนึ่ง เป็นการกระทำการอันเป็นความผิด หลายกรรมต่างกันฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือนฐานจำหน่ายกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี รวมจำคุก2 ปี 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ส่วนของกลางคงให้ริบ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอภูหลวงได้ตรวจค้นบ้านจำเลยพบกัญชาของกลางจำนวน 3 ถุง น้ำหนัก 7.5 กรัมฝังดินอยู่หลังห้องส้วมบริเวณบ้านจำเลย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองและจำหน่ายกัญชาหรือไม่ สำหรับความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองนั้น พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่ากัญชาของกลางเป็นของจำเลยจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับความผิดฐานจำหน่ายกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตเห็นว่า ตามฟ้องข้อ ก. โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีกัญชา 3 ถุง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและบรรยายฟ้องข้อ ข. ว่าจำเลยจำหน่ายกัญชาจำนวนและน้ำหนักไม่ปรากฏชัดอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ ก. ให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งตามฟ้องโจทก์ดังกล่าวโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายกัญชาอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชา 3 ถุง ซึ่งยึดได้ที่บ้านจำเลยแต่ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์กลับได้ความว่า จำเลยได้จำหน่ายกัญชาให้นายอวยชัยไปก่อนแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจึงตรวจค้นบ้านจำเลยและยึดกัญชา 3 ถุง ได้ที่บ้านจำเลยกัญชาที่จำเลยจำหน่ายไป จึงเป็นกัญชาคนละจำนวนกันกับกัญชา 3 ถุง ที่ยึดได้ที่บ้านจำเลย ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากที่กล่าวในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ จังหวัด เลย จำเลย - นาง คำ มี บ่อ คำ

ชื่อองค์คณะ ไสว จันทะศรี จำลอง สุขศิริ สมบัติ เดียวอิศเรศ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE