สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5487/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5487/2539

พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ม. 10 พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ม. 44

สารวัตรกำนันมีหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยและรับใช้สอบกำนันตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พ.ศ.2457มาตรา44เท่านั้นมิได้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายจึงไม่อาจเพิ่มโทษเป็นจำนวนสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามมาตรา10แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ.2534ได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 เป็นสารวัตรกำนัน จำเลยทั้งสามได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 และร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งอีเฟดรีนจำนวนดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนพกออโตเมติก ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานพร้อมด้วยกระสุนปืนออโนเมติกไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยที่ 3มีอาวุธปืนยาวแบบกึ่งอัตโนมัติซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนท้องที่ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4,6, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 116 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 3, 10, 30, 31 ริบอีเฟดรีนและอาวุธปืนไม่มีทะเบียนของกลาง

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ (ที่ถูกมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง), 89 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ(ที่ถูกมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง), 89 และพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534มาตรา 10 จำคุก จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 10 ปี สำหรับจำเลยที่ 3 เพิ่มโทษสามเท่าตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 จำคุกจำเลยที่ 3มีกำหนด 30 ปี จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 ปี>จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 วรรคสาม อีกกระทงหนึ่งจำคุก 6 เดือนรวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปี และจำคุกจำเลยที่ 3มีกำหนด 30 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมสอบสวนและชั้นพิจารณา จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 2และที่ 3 หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 ปี 8 เดือนจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 20 ปี 4 เดือน ริบอีเฟดรีนและอาวุธปืนของกลาง

จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2ในความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ (ที่ถูกมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง), 89 และจำเลยที่ 3 ในความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ (ที่ถูกมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง),89 และพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ในความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 ที่ให้เพิ่มโทษเป็นจำนวนสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น เห็นว่าจำเลยที่ 3 เป็นสารวัตรกำนันมีหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยและรับใช้สอยกำนันตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 44เท่านั้น มิได้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายจึงมิอาจลงโทษจำเลยที่ 3ตามที่โจทก์ฎีกา อันเป็นการเพิ่มโทษให้หนักขึ้นได้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุก 10 ปี จำเลยที่ 3ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษหนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกอีก4 เดือน ฐานมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแล้วเป็นจำคุก 7 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด จำเลย - นาย ศิริพร พฤกษา กับพวก

ชื่อองค์คณะ กอบเกียรติ รัตนพานิช สมมาตร พรหมานุกูล ชลอ บุณยเนตร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE