ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 80, 91, 288, 295, 362, 364, 365, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ บวกโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1137/2563 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 มาตรา 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364 มาตรา 371 (ที่ถูก ต้องระบุมาตรา 295 ด้วย) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธ และฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 10 ปี ฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท ฐานพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี 12 เดือน และปรับ 12,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง ให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 เมื่อคดีนี้รอการลงโทษจำคุก จึงไม่อาจนับโทษต่อ (ที่ถูก บวกโทษ) ได้ ให้ยกคำขอ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุก ไม่ปรับ และไม่คุมความประพฤติของจำเลย ให้นำโทษจำคุกของจำเลย 2 ปี 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1137/2563 ของศาลชั้นต้น บวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ รวมเป็นจำคุก 7 ปี 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า หลังจากจำเลย ลั่นไกปืน 1 นัด แต่กระสุนปืนด้าน หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็คงใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย คงไม่ใช้อาวุธปืนตีศีรษะของผู้เสียหาย จำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น ทำนองว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและไม่ได้กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นนั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นฟังพยานโจทก์ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย หากจำเลยเห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและไม่ได้กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำเลยก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่คดีนี้มีเฉพาะโจทก์เท่านั้นที่อุทธรณ์ ส่วนจำเลยไม่อุทธรณ์ ดังนั้นฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายเป็นการหยิบยกเอาข้อเท็จจริงซึ่งยุติในศาลชั้นต้นขึ้นมาโต้เถียงใหม่ในชั้นฎีกา จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง และมาตรา 252 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้นำเจ้าพนักงานพิสูจน์หลักฐานมาเบิกความยืนยันถึงสาเหตุแห่งการที่กระสุนปืนไม่ลั่นว่าเป็นเพราะกระสุนปืนด้านหรืออาวุธปืนมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถใช้ยิงผู้เสียหายได้ ไม่อาจรับฟังได้ชัดเจนว่าเหตุที่กระสุนปืนไม่ลั่นเป็นเพราะลูกกระสุนปืนด้านอันเป็นเหตุบังเอิญจึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าการกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 นั้น เห็นว่า ปัญหาที่ว่าการที่กระสุนปืนไม่ลั่นเป็นเพราะกระสุนปืนด้านหรืออาวุธปืนมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้ เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นอ้างเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง และมาตรา 252 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้เช่นกัน

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการต่อมาว่า มีเหตุสมควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยมีและพาอาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงโดยสภาพ สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้พร้อมกระสุนปืนติดตัวไปตามถนนสาธารณะจนถึงที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วจำเลยโดยมีอาวุธปืนบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน ทั้งจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวจ่อยิงไปที่ลำคอซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของผู้เสียหายแต่กระสุนปืนด้าน จากนั้นจำเลยยังใช้อาวุธปืนทุบตีที่ศีรษะของผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจอีก โดยจำเลยก่อเหตุร้ายภายในบ้านของผู้เสียหายถือเป็นเคหสถานซึ่งเป็นสถานที่อันพึงได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองให้บุคคลได้อยู่อาศัยโดยปลอดภัยและโดยปกติสุข ลักษณะของการกระทำความผิดนับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย กระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายตลอดจนทรัพย์สินของสุจริตชน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับก่อนคดีนี้ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 2 ปี 6 เดือน และปรับ 213,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 3 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1137/2563 ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลให้โอกาสรอการลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว แต่จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีกภายในเวลาที่รอการลงโทษ แสดงว่าจำเลยไม่เกรงกลัวต่อโทษตามกฎหมายหรือสำนึกที่จะแก้ไขปรับปรุงตนเอง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นตามที่กล่าวอ้างมาในฎีกา ก็ยังไม่มีเหตุเพียงพอ ที่จะลงโทษจำเลยให้เบาลงและรอการลงโทษจำคุกให้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วางโทษจำเลยก่อนลดโทษในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี และฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน เป็นการลงโทษจำคุกในอัตราโทษขั้นต่ำตามกฎหมายแล้ว ส่วนความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีและความผิดของจำเลยแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.996/2567

แหล่งที่มา หนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th