ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงทำสัญญามัดจำเพื่อจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ 1 แปลง ในราคา 15,000 บาท โจทก์วางมัดจำ 10,000 บาท จำเลยรับไปแล้วกำหนดจดทะเบียนโอนขายภายใน 3 เดือน เมื่อถึงกำหนดไม่ยอมโอนให้ ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมด้วยดอกเบี้ย ค่าเสียหาย และค่าปรับ

จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงได้ริบเงินมัดจำ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นเงิน 20,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2522 โจทก์จำเลยได้ทำสัญญามัดจำตามเอกสารหมาย จ.1 ความว่าโจทก์ตกลงซื้อที่ดินตามฟ้องจากจำเลยในราคา 15,000 บาท โจทก์วางเงินมัดจำให้จำเลย 10,000 บาทในวันนั้น กำหนดโอนให้สำเร็จภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันทำสัญญา แต่จะกำหนดวันเดือนใดคู่สัญญาต้องบอกกล่าวความตกลงเห็นพร้อมกัน ถ้าโจทก์ผิดนัด จำเลยจะริบเงินมัดจำ ถ้าจำเลยผิดนัดยอมให้โจทก์เรียกค่าเสียหายอีกโสดหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาท ครั้นครบกำหนดตามสัญญาแล้ว ไม่ปรากฏว่าได้มีการโอนกันตามสัญญา ต่อมาวันที่ 4 มีนาคม 2523 โจทก์ขอให้ทางอำเภอเปรียบเทียบ แต่ไม่อาจตกลงกันได้ เดิมโจทก์จำเลยได้ทำสัญญามัดจำจะซื้อขายที่ดินแปลงนี้มาแล้ว กำหนดโอนภายใน 6 เดือน ตามเอกสารหมาย ล.1 เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้ว ปรากฏว่ามิได้มีการโอนต่อกัน โจทก์จำเลยจึงเลิกสัญญาเดิม ยกเงินมัดจำมาทำสัญญาใหม่ ตามเอกสารหมาย จ.1 และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คู่ความต่างนำสืบว่าเมื่อครบกำหนด 3 เดือนตามสัญญาแล้วอีกฝ่ายเป็นผู้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ แต่ในระหว่างกำหนดเวลา 3 เดือน ตามเอกสารหมาย จ.1 นั้น ไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้กำหนดวันเดือนใดที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ต่อกันโดยบอกกล่าวความตกลงเห็นพร้อมกัน กล่าวคือ โจทก์ไม่ได้ขอชำระหนี้ที่ค้างและให้จำเลยโอนที่ดินให้ จำเลยก็ไม่ได้บอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้ เมื่อตามสัญญาข้อ 2 ระบุว่า คู่สัญญาตกลงกัน จะทำพิธีโอนภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันทำสัญญาแต่จะกำหนดวันเดือนใดคู่สัญญาต้องบอกกล่าวความตกลงเห็นพร้อมกัน แสดงให้เห็นว่าคู่สัญญาไม่นำพาที่จะปฏิบัติตามสัญญา จนกำหนดเวลาตามสัญญาสิ้นสุดลงฝ่ายใดจะอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ผิดสัญญาหาได้ไม่ และเป็นที่เห็นได้ว่าคู่กรณีได้ปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยมาโดยมิได้จัดการอย่างหนึ่งอย่างใด จนเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2523 จึงได้ขอให้ทางอำเภอเปรียบเทียบแต่ก็ไม่อาจตกลงกันได้ จากนั้นก็มิได้มีฝ่ายใดเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตามสัญญา พฤติการณ์ของคู่กรณีแสดงให้เห็นว่า ต่างฝ่ายต่างสมัครใจเลิกสัญญากันโดยปริยายแล้ว ดังนั้นโจทก์จำเลยต่างต้องคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 จำเลยจึงต้องคืนเงินมัดจำแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับตั้งแต่เวลาที่ได้รับไว้และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและค่าปรับจากจำเลย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าได้รับเงินมัดจำจากโจทก์ไว้เพียง 7,000 บาท เมื่อครั้งทำสัญญาเดิม ตามเอกสารหมาย ล.1 และตามสัญญาใหม่ตามเอกสารหมาย จ.1 จำเลยไม่ได้รับเงินมัดจำอีกเลยนั้น เห็นว่าคู่ความต่างตกลงทำสัญญาใหม่โดยมีข้อความตามสัญญาเดิมและยกเงินมัดจำจำนวน 10,000 บาท มาลงไว้ในสัญญาใหม่แล้ว ต้องถือว่าจำเลยบได้รับเงินมัดจำแล้วตามสัญญาใหม่เอกสารหมาย จ.1 เมื่อปรากฏตามคำให้การของจำเลยชัดแจ้งว่า จำเลยได้รับเงินมัดจำจำนวน 10,000 บาท ไว้แล้วจำเลยจะนำสืบเป็นอย่างอื่นหาได้ไม่

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย แต่จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินค่าปรับ 20,000 บาท ให้แก่โจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th