ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งห้าขอแบ่งทรัพย์มรดกเป็นที่ดินคนละ 217.80 ตารางวา ต่อมาโจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งห้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยทั้งห้าตกลงโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 28661 ถึง 28664 ตำบลมหาชัย (โคกขาม)อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่รวม 1 ไร่3 งาน 22 ตารางวา ให้โจทก์ทั้งสอง ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่า โฉนดที่ดินที่จำเลยทั้งห้าโอนให้โจทก์ทั้งสองตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มีเนื้อที่ที่ดินน้อยกว่าจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความประมาณ207 ตารางวา ถือว่าจำเลยทั้งห้าผิดสัญญาประนีประนอมยอมความขอให้ศาลนัดพร้อมจำเลยทั้งห้าเพื่อสอบถามก่อนจะออกหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมสอบถามและไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่าเมื่อโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้เรียกจำเลยทั้งห้ามาสอบถาม ศาลชั้นต้นย่อมจะเรียกจำเลยทั้งห้ามาสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าวได้โดยไม่จำต้องไต่สวนคำร้อง การที่ศาลชั้นต้นให้ไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ทั้งสอง และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาคดีนั้น เห็นว่า การที่โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องและศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวเป็นการสั่งในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนชี้ขาดตามคำร้องนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ทั้งสองไม่โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์และจะฎีกาคัดค้านคำสั่งดังกล่าวไม่ได้ เพราะต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 299 ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ให้ แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า จำนวนเนื้อที่ที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเพียงประมาณการเท่านั้น จำเลยทั้งห้าปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








