ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาเบิกความเท็จโดยกล่าวหาว่าตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้อง จำเลยบังอาจนำข้อความที่รู้ว่าเป็นความเท็จไปเบิกความเป็นพยานในคดีของศาลแพ่งหมายเลขดำที่ 810/2511 ระหว่าง นายมนัส มัธยาคม โจทก์ (จำเลยที่ 1 ในคดีนี้) นางบุญพึ่งหรือบุญผึ่งเหมือนใจ (โจทก์ในคดีนี้) โดยจำเลยที่ 1 เบิกความว่าโจทก์เพิ่งมาขอเช่าห้องพิพาทเมื่อราว พ.ศ. 2506 หรือ 2507 และจำเลยที่ 2 เบิกความว่า โจทก์เพิ่งมาขอเช่าห้องพิพาทเมื่อประมาณ พ.ศ. 2505 และทั้งสองยังเบิกความว่าก่อนเวลาดังกล่าว มีคนเช่าห้องพิพาทอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งความจริงแล้วโจทก์ได้เช่าห้องพิพาทของจำเลยที่ 1 ติดต่อมาเป็นเวลา 28 - 29 ปี แล้วจนปัจจุบัน ซึ่งคำเบิกความดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดีเพราะประเด็นสำคัญในคดีนั้นมีว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 หรือไม่และข้อความเท็จดังกล่าวก็เพื่อแสดงว่าโจทก์มิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 83 ให้จำคุกคนละ 6 เดือน

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยทั้งสองได้เบิกความตามข้อความที่กล่าวหาในฟ้องในคดีของศาลแพ่งหมายเลขดำที่ 810/2511 หมายเลขแดงที่ 3057/2511 ดังกล่าวในฟ้อง ศาลแพ่งได้วินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504โดยฟังว่าโจทก์ได้เช่าห้องพิพาทอยู่ก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขับไล่ ซึ่งข้อความที่จำเลยทั้งสองเบิกความดังกล่าวในฟ้องเป็นเท็จ ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นสำคัญในคดีแพ่งดังกล่าวนั้นมีว่าโจทก์ผู้เช่าจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 หรือไม่ และในการวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวก็จำต้องพิจารณาระยะเวลาเริ่มต้นของสัญญาเช่าเป็นสำคัญ กล่าวคือ ถ้าได้ความจริงว่า โจทก์เช่าอยู่ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ใช้บังคับก็ย่อมได้รับความคุ้มครอง ฉะนั้น คำเบิกความของจำเลยทั้งสองที่ว่าโจทก์เพิ่งเช่าห้องพิพาทอยู่เมื่อ พ.ศ. 2505 หรือ 2507 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังประกาศใช้บังคับของพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงเป็นความเท็จในข้อสำคัญแห่งคดี เพราะอาจมีผลในการวินิจฉัยคดีไปในทางที่ว่าโจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเบิกความเท็จโดยเจตนาจงใจเพื่อมิให้โจทก์ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่า ฯลฯ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง พิพากษากลับให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th