ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑,๔๑๔,๙๐๗.๑๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๙๑,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๐ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ยืนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาของโจทก์ในข้อแรกมีว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนราคารถยนต์ที่ยัง ขาดอยู่โดยที่ยังมิได้มีการขายรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อไปได้หรือไม่ เห็นว่า แม้ราคาขายดังกล่าวจะเป็นเพียงความคาดหมายของโจทก์โดยที่ยังมิได้มีการขายจริงก็ตาม แต่โจทก์ก็อาจนำสืบพยานหลักฐานอื่นให้เห็นได้ว่ารถยนต์อยู่ใน สภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างไร และในสภาพเช่นว่านั้นในท้องตลาดมีการซื้อขายกันในราคาเท่าใด โดยที่ยังมิได้มี การขายจริงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการกำหนดกันไว้ในสัญญาเช่าซื้อข้อ ๑๐ ด้วยว่า ถ้าเจ้าของได้ขายทรัพย์สินที่ เช่าซื้อไปแล้วยังไม่คุ้มราคาค่าเช่าซื้อที่ต้องชำระทั้งหมดตามสัญญากับค่าเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น หรือถ้าทรัพย์สิน ที่เช่าซื้อเมื่อเจ้าของได้ประเมินราคาแล้วมีราคาไม่คุ้มค่าเช่าซื้อที่คงเหลืออยู่กับค่าเสียหายอื่นที่เกิดขึ้น ผู้เช่าซื้อจะ ชดใช้เงินให้เจ้าของจนครบถ้วน โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ได้แม้จะมิได้มีการขายรถยนต์ไปจริง ปัญหาว่า ค่าเสียหาย เห็นว่า สภาพความเสียหายดังกล่าวมีไม่มาก เป็นเพียงรอยขีดข่วน มิได้เกิดจากการชนอย่างรุนแรง เมื่อวิเคราะห์ถึงประเภทของรถยนต์ซึ่งเป็นยี่ห้อเบนซ์ อี ๒๘๐ และราคาตามสัญญาเช่าซื้อสูงถึง ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาทเศษ และเป็นรถยนต์ใหม่ต้องตกเป็นรถยนต์ที่ใช้งานมาแล้วหรือรถยนต์มือสองตามฎีกาของโจทก์ เพราะการผิดสัญญาของจำเลยที่ ๑ ศาลฎีกาจึงเห็นควรกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน

ปัญหาต่อไปตามฎึกาของโจทก์มีว่า โจทก์ควรได้ค่าเสียหายในการขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์เพียงใด โจทก์ฎีกาว่า รถยนต์รุ่นเดียวกันและยี่ห้อเดียวกันกับรถยนต์ที่ให้จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อ โจทก์ได้นำให้บุคคลภายนอกเช่าในลักษณะการเช่าแบบลีสซิ่ง ค่าเช่าเดือนละ ๖๒,๐๐๐ บาท นั้น เห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงว่าได้ให้ผู้ใดเช่าไปกี่รายเมื่อใด คงมีแต่นางสาวสร้อยเพชร ชูชัยสุวรรณศรี เบิกความลอย ๆ ว่า โจทก์สามารถนำรถยนต์ออกให้เช่าได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ ๖๒,๐๖๐ บาท เท่านั้น อย่างไรก็ดีเมื่อพิเคราะห์ถึงยี่ห้อของรถยนต์ และราคาเช่าซื้อที่จะต้องชำระ แต่ละเดือนแล้ว เห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้แก่โจทก์เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท นั้นยังต่ำไป ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้แก่โจทก์เดือนละ ๔๐,๐๐๐ บาท รวม ๓ เดือน เป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท เมื่อรวมกับค่าเสียหายในส่วนราคารถยนต์ที่ยังขาดอยู่จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และค่าติดตามยึดรถยนต์คืน ๑,๐๐๐ บาท แล้ว รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น ๓๓๐,๐๐๐ บาท

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๓๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๐ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th