ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173, 174

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173 และ 174 (ที่ถูกมาตรา 173ประกอบมาตรา 174 วรรคสอง) ให้จำคุกคนละ 4 เดือน จำเลยที่ 3ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน

จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์โดยให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 3 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 และที่ 2นำความไปแจ้งต่อร้อยตำรวจโทโสภณ ประพันธ์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลบ้านโดนเอาว์ว่าเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2536เวลา 8 นาฬิกา โจทก์ขับรถยนต์ไปตามถนนสายสำโรงเกียรติ-ภูมิซรอลด้วยความเร็วเฉี่ยวชนจำเลยที่ 1 ได้รับบาดเจ็บ ร้อยตำรวจโทโสภณสอบสวนจำเลยที่ 1 และที่ 2 รายละเอียดปรากฏตามคำให้การชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.1 และ จ.3 ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์แจ้งข้อหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ไม่แสดงตนและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันทีแต่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานแจ้งความเท็จหรือไม่ เชื่อว่า ข้อความที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 นำไปแจ้งต่อร้อยตำรวจโทโสภณพนักงานสอบสวนตรงกับสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 แจ้งข้อความตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ส่วนการกระทำของโจทก์จะเป็นความผิดต่อกฎหมายตามที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 แจ้งหรือไม่ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะการแจ้งข้อความย่อมหมายถึงแจ้งข้อเท็จจริงไม่เกี่ยวกับกฎหมาย หลังจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 แจ้งต่อพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีแก่โจทก์แม้ต่อมาพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องโจทก์ก็ยังถือไม่ได้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th