ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 277,279, 317 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 3, 9 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 9 กระทงหนึ่ง จำคุก 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 3 กระทงหนึ่ง จำคุก 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 3อีก 11 กระทง จำคุกกระทงละ 7 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทง คงจำคุกจำเลย50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดฐานอนาจาร ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารหรือไม่ และมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้มาเรียกผู้เสียหายไปที่บ้านจำเลยโดยที่บ้านจำเลยไม่มีภริยาอยู่ และจำเลยได้กอดผู้เสียหายในขณะที่นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลย และวินิจฉัยว่า การที่จำเลยมาพาผู้เสียหายไปที่บ้านของตนขณะที่ไม่มีคนอยู่และกระทำการแสดงออกที่ไม่สมควรทางเพศ เช่นนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการบ่งชี้เจตนาให้เห็นตั้งแต่มาเรียกผู้เสียหายไปจากบ้านของผู้เสียหาย เพื่อไปที่บ้านจำเลยซึ่งอยู่ห่างไกลกับบ้านของผู้เสียหาย แสดงให้เห็นว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะพาผู้เสียหายไปเพื่อการไม่สมควรทางเพศ จึงถือว่าจำเลยพาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร ถึงแม้ว่าในขณะที่จำเลยมาพาผู้เสียหายไปนั้น มารดาของผู้เสียหายไม่ได้อยู่บ้านโดยไปทำงานก็ตามแต่ก็ต้องถือว่าผู้เสียหายอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารนั้นเป็นการแยกผู้เยาว์ไปจากอำนาจปกครองของมารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสามส่วนความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตามฟ้องจริง และที่จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าได้พิจารณาถึงพฤติการณ์ในการกระทำของจำเลย ซึ่งมีหน้าที่เป็นครู อันเป็นหน้าที่ที่จะต้องสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีมีความสามารถและเป็นอาชีพที่บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือ แต่จำเลยกลับกระทำการอันเป็นเรื่องบัดสีต่อนักเรียนที่จะต้องให้การอบรมโดยอาศัยความเกรงกลัวและความเคารพนับถือที่นักเรียนมีต่อครู มาเป็นโอกาสกระทำการจนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในวัยที่ต้องเจริญเติบโตต้องมาเสียอนาคตไปกับการกระทำของจำเลย จึงไม่มีเหตุใด ๆที่จะให้ความปรานีแก่จำเลยได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th