ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์โดยขุดตักทรายแก้วจำนวน 250 เที่ยวรถบรรทุกราคา 87,000 บาท ในที่ดินของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ให้จำเลยคืนทรายแก้ว 250 เที่ยวรถบรรทุก หรือใช้ราคาทรัพย์ 87,000 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณานางสาวศิตรี กาญจนาคมานันท์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก 1 ปี และให้จำเลยคืนทรายแก้ว250 เที่ยวรถบรรทุก หรือใช้ราคา 87,000 บาท แก่โจทก์ร่วม

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยเพียงว่าการที่จำเลยขุดตักเอาทรายแก้วของโจทก์ร่วมไปเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตหรือไม่ คดีได้ความว่า แต่เดิมนางสมบัติตกลงให้จำเลยเป็นนายหน้าขายที่ดินของนางสมบัติและที่ดินของโจทก์ร่วมตามสัญญานายหน้าเอกสารหมาย จ.6โดยตกลงกันว่าจำเลยจะต้องนำดินลูกรังมาถมในที่ดินดังกล่าวให้สูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อให้ขายได้ราคาสูงขึ้นจากนั้นจำเลยตกลงให้นายคเชนทร์ขุดทรายให้ตามสัญญาขุดทรายแล้วถมดินเอกสารหมาย จ.7 ปรากฏว่านายคเชนทร์ขุดทรายแก้วในที่ดินของโจทก์ร่วมโดยจำเลยอ้างว่าเป็นที่ดินของตน ซึ่งการขุดทรายแก้วดังกล่าวโจทก์ร่วมไม่มีส่วนรู้เห็นยินยอมด้วยสำหรับทรายแก้วที่ขุดได้ จำเลยขายให้นายคเชนทร์ไปในราคา87,000 บาท เห็นว่า การที่จำเลยสั่งให้นายคเชนทร์ขุดทรายแก้วในที่ดินของโจทก์ร่วมโดยโจทก์ร่วมไม่มีส่วนรู้เห็นยินยอมด้วยโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของตน กับทำสัญญาขุดทรายกับนายคเชนทร์ตามเอกสารหมาย จ.7 ระบุว่าได้รับมอบอำนาจมาจากนางวัทนณีวิจิตรศิลป์ และนายประเสริฐ วิจิตรโสภณ มิได้ระบุว่ารับมอบอำนาจมาจากโจทก์ร่วมหรือนางสมบัติทั้งนางวัทนณีก็ไม่ปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวอย่างไรมีเพียงนายประเสริฐเท่านั้นที่มีชื่อเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาปกปิดข้อเท็จจริงไม่ให้นายคเชนทร์ทราบว่าที่ดินเป็นของโจทก์ร่วมและนางสมบัติ สอดคล้องกับที่นายคเชนทร์เบิกความ ทั้งตามเอกสารหมาย จ.7 ดังกล่าวในข้อ 1 ระบุว่าให้ขุดแล้วถมดินลูก รังจืด เท่าหน้าดินเดิมมิใช่ปรับหน้าดินโดยนำลูกรังมาถมให้มีความสูงขึ้น 50 เซนติเมตรตามสัญญานายหน้าเอกสารหมาย จ.6 นอกจากนี้จำเลยได้ขายทรายแก้วที่ขุดได้ให้แก่นายคเชนทร์ในราคาถึง 87,000 บาท ซึ่งมิใช่จำนวนเล็กน้อย โดยมิได้นำเงินที่ได้มามอบให้โจทก์ร่วมนับว่าเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองแล้ว ที่จำเลยอ้างว่ากระทำไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการถมดินหรือทำให้หน้าดินแน่น จึงฟังไม่ขึ้นรูปคดีจึงชี้ชัดได้ว่า การกระทำของจำเลยมีเจตนาทุจริตกรณีมิใช่จำเลยกระทำตามสัญญาและอาศัยสิทธิโดยชอบธรรมเพื่อผลประโยชน์ของคู่สัญญาทุกฝ่ายอันเป็นเรื่องทางแพ่งดังจำเลยอ้าง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th