ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเดิมจำเลยกับนายป้อมและนายพรมมาสมคบกันฆ่ากระบือ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2498เวลากลางวันจำเลยได้นำความไปแจ้งต่อนายนาคศรีสว่างวงษ์ พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ว่า "จำเลยผู้เดียวเดินไปที่ไร่ ได้เห็นนายป้อม นายพรมมา ฆ่ากระบือริมน้ำปาวจึงได้นำความไปแจ้งต่อนายขุน ปรีดี ผู้ใหญ่บ้านให้จับกุมนายป้อม นายพรมมาเป็นผู้ต้องหา" ความจริงจำเลยเป็นผู้สมคบกับนายป้อม นายพรมมาฆ่ากระบือ หาใช่ไปกระทำผิดเพียง 2 คนไม่ เป็นการทำให้นายนาคศรีสว่างวงษ์ และนายป้อม นายพรมมา เสียหาย จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 3) มาตรา 3
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่จำเลยแจ้งนั้นก็เป็นความจริง เพราะนายป้อมและนายพรมมาก็ฆ่าโคจริง แต่การที่จำเลยไม่กล่าวว่าตนได้ไปร่วมทำผิดกับนายป้อมและนายพรมมาด้วย เป็นการแจ้งเพื่อปลีกตัวจำเลยเองให้พ้นผิด จำเลยซึ่งมีฐานะจะต้องตกเป็นผู้ต้องหามีสิทธิที่จะทำได้ บุคคลไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อความอันจะเป็นการปรักปรำตนให้ได้รับโทษหรือตกเป็นผู้ต้องหา จึงพิพากษาให้ยกฟ้องยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









