คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2525
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 537
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อสร้างตึกแถวและอาคารบ้านเรือน(ตลาดสด) ซึ่งตามสัญญาเช่าข้อ 7 ตึกแถว ฯ ที่โจทก์ปลูกสร้างขึ้นให้โจทก์มีสิทธิให้ผู้อื่นเช่าช่วงได้ตามสัญญาข้อ 2 โดยข้อ 2 มีความว่า ยอมให้โจทก์เช่าที่ดินมีกำหนด 15 ปี เมื่อหมดสัญญา 15 ปีแล้ว ถ้าโจทก์ประสงค์จะเช่าต่อ ให้มาทำสัญญาใหม่ ถ้าไม่ทำสัญญาต่อโจทก์จะต้องส่งมอบสถานที่เช่าพร้อมตึกแถวฯ ให้แก่ผู้ให้เช่าจนครบถ้วนทุกอย่าง ดังนี้ มิใช่คำมั่นจะให้เช่า จำเลยหาจำต้องให้โจทก์เช่าที่พิพาทต่อไปไม่
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินของนายพงษ์มีกำหนด 15 ปี และได้ปรับปรุงที่ดินโดยปลูกสร้างตึกแถว อาคาร ในที่ดินที่เช่า นายพงษ์ได้ให้คำมั่นไว้ ไว้ในสัญญาเช่าว่า เมื่อหมดสัญญาเช่าแล้ว ถ้าผู้เช่าประสงค์จะเช่าต่อไปอีก ให้ผู้เช่ามาทำสัญญาใหม่ ต่อมานายพงษ์ถึงแก่กรรม จำเลยผู้เป็นทายาทผู้รับมรดกของนายพงษ์ได้ทำหนังสือให้คำมั่นไว้ว่า ยินยอมปฏิบัติตามสัญญาที่นายพงษ์ทำแก่โจทก์ทุกประการ ก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอต่อสัญญาเช่าตามคำมั่นอีกไม่น้อยกว่า 10 ปี จำเลยได้รับหนังสือแล้วบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดิน เนื่องจากสัญญาเช่าเดิมเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้ให้เช่าได้ให้คำมั่นจะต่ออายุสัญญาเช่าคำมั่นผูกพันจำเลยซึ่งเป็นทายาท ขอพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าที่ดินตามฟ้องมีกำหนด 15 ปี ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยแทน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยรับรองหรือให้คำมั่นใด ๆ กับโจทก์นอกเหนือจากที่บิดาจำเลยทำไว้ ข้อความในสัญญาเช่าไม่เป็นคำมั่น เป็นเพียงการให้โอกาสผู้เช่ามาทำสัญญาเช่ากันใหม่เท่านั้น สัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดโดยไม่ต้องบอกกล่าว จำเลยฟ้องแย้งให้ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่ดิน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเช่าและไปจดทะเบียนการเช่าที่ดินมีกำหนด 10 ปี ให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ขับไล่โจทก์พร้อมทั้งบริวารออกจากที่ดิน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกแถวและอาคารบ้านเรือน (ตลาดสด) ซึ่งตามสัญญาเช่าตึกแถวและอาคารบ้านเรือน (ตลาดสด) ที่โจทก์ปลูกสร้างขึ้นให้โจทก์มีสิทธิให้ผู้อื่นเช่าช่วงได้โดยยอมให้โจทก์เช่าที่ดินมีกำหนด 15 ปี เมื่อหมดสัญญา 15 ปีแล้วถ้าโจทก์ประสงค์จะเช่าต่อไปอีก ให้โจทก์มาทำสัญญาใหม่ ถ้าโจทก์ไม่ทำสัญญาต่อ โจทก์จะต้องส่งมอบสถานที่เช่าพร้อมทั้งตึกแถวและอาคารบ้านเรือน ฯลฯ ให้แก่ผู้ให้เช่าจนครบถ้วนทุกอย่าง ดังนี้ สัญญาเช่าซึ่งถ้าโจทก์ประสงค์จะเช่าต่อ ผู้ให้เช่าก็จะยอมให้เช่าต่อไปนั้น หาใช่สัญญาเช่าที่ดินเพื่อโจทก์จะปลูกสร้างตึกแถวและอาคาร บ้านเรือน (ตลาดสด) ตามข้อตกลงเดิมในสัญญานั้นไม่ หากแต่เป็นสัญญาเช่าที่ดินที่มีสิ่งปลูกสร้างได้แก่ตึกแถวและอาคารบ้านเรือน (ตลาดสด) ที่โจทก์ปลูกสร้างขึ้นแล้ว และโจทก์จะนำไปให้เช่าช่วงหาประโยชน์อยู่ด้วย ซึ่งการทำสัญญาเช่าต่อไปยังจะต้องตกลงกันในเรื่องอัตราค่าเช่าและกำหนดเวลาเช่า ดังที่โจทก์ขอเสนอเช่าอีกอย่างน้อย10 ปี และยินดีเพิ่มค่าเช่าที่ดินให้บ้างตามสมควร ดังนี้ เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ตกลงตามที่โจทก์เสนอ ทั้งได้ทำหนังสือชี้แจงกับบอกเลิกสัญญาและให้ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าแล้ว จึงไม่มีสัญญาเช่าใหม่ระหว่างโจทก์และจำเลย ทั้งข้อความตามสัญญาเช่าก็มิใช่คำมั่นจะให้เช่า จำเลยหาจำต้องให้โจทก์เช่าที่พิพาทตามฟ้องต่อไปไม่
พิพากษาแก้ในเรื่องจำนวนค่าเสียหายที่ให้โจทก์ชดใช้แก่จำเลยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายซัว แซ่เบ๊ จำเลย - นางประพิศ แย้มสรวล กับพวก
ชื่อองค์คณะ อำนัคฆ์ คล้ายสังข์ ขจร หะวานนท์ แถมชัย สิทธิไตรย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan