ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายที่ 1ถึงที่ 8 คนละ 35,000 บาท และผู้เสียหายที่ 9 จำนวน 20,000 บาทรวมเป็นเงิน 300,000 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 343 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง, 82 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานฉ้อโกงประชาชนให้จำคุก 3 ปี ฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 8 ปี ให้จำเลยคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 8 คนละ 35,000 บาท และผู้เสียหายที่ 9จำนวน 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 300,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 คงจำคุก 3 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ และ จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ปัญหาข้อต่อไปมีว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามฎีกาของโจทก์หรือมิได้กระทำผิดฐานฉ้อโกงตามฎีกาของจำเลยหรือไม่ปรากฏว่าในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 343 วรรคหนึ่ง จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 คงจำคุก 3 ปีเท่ากับศาลชั้นต้น เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แก้ไขเฉพาะการปรับบทกฎหมายในการลงโทษโดยมิได้แก้ไขโทษ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งที่โจทก์ฎีกาว่าลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการชักชวนบุคคลทั่วไปไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แม้ไม่มีการประกาศโฆษณาแก่บุคคลทั่วไป เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่รับฟังมาว่าพฤติการณ์การหลอกลวงของจำเลยมิได้มีลักษณะเป็นการประกาศแก่บุคคลทั่วไป จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและที่จำเลยฎีกาทำนองว่า จำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตและมิได้หลอกลวงบรรดาผู้เสียหายรวมทั้งไม่ได้รับเงินจากผู้เสียหายเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่รับฟังมาว่า จำเลยกับพวกหลอกลวงชวนผู้เสียหายทั้งเก้าไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งเก้า ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ดังนี้ฎีกาของโจทก์และจำเลยในส่วนนี้จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th