ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า เมื่อระหว่างตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 21 กรกฎาคม 2498 เวลากลางวันและกลางคืน จำเลยใช้อุบายหลอกลวงประชาชนในเขตตำบลพานพร้าว อำเภอท่าบ่อ โดยเอาความเท็จมากล่าวว่า จำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้โดยจำเลยเอาน้ำธรรมดาใส่ภาชนะและใช้พระเครื่องนาคปรกลงแกว่งในน้ำนั้น สำรวมจิตภาวนามนต์และแผ่เมตตาจิต น้ำนั้นจะกลายเป็นน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ทุกชนิดให้หายได้ และตามวันเวลาดังกล่าวแล้วจำเลยได้โฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อว่าน้ำที่จำเลยทำขึ้นดังกล่าวแล้วเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จนทำให้ประชาชนหลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลย แล้วซื้อน้ำมนต์ที่จำเลยทำขึ้น คือพลตำรวจโชติ ธรรมพินิจและนายสิบตำรวจตรีไพศาล แลบัวซื้อคนละ 1 ขวด ๆ ละ 2 บาท นายสำรองซื้อ 2 ขวดราคา 4 บาทและมีคนอื่น ๆ อีก จำเลยขายได้เงิน 600 บาท ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงบุคคลดังกล่าวแล้วให้ส่งเงินให้แก่จำเลยตามคำหลอกลวง เหตุเกิดที่ตำบลพานพร้าวอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เจ้าทุกข์ได้มอบคดีให้เจ้าพนักงานว่ากล่าวเอาโทษแก่จำเลยแล้ว ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 304 และ 306 และขอให้จำเลยคืนทรัพย์แก่เจ้าทุกข์และคนอื่นด้วย

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วตัดสินว่าตามฟ้องโจทก์เป็นเรื่องจำเลยพูดจาหลอกลวงเพื่อขายตาม มาตรา 310 และคำฟ้องขัดแย้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และโจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่าจำเลยหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด - สภาพ - คุณภาพ ฯลฯ อันเป็นองค์ประกอบความผิด ทั้งไม่ยืนยันว่าน้ำมนต์ที่จำเลยขายนั้นรักษาโรคภัยไม่ได้เลย จึงได้พิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และพิพากษาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องว่า"จำเลยใช้อุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวว่า จำเลยสามารถใช้วิทยาคมทำน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงให้พวกเจ้าทุกข์ส่งเงินให้แก่จำเลย (เป็นค่าน้ำมนต์)" นั้น นับว่าครบองค์ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304 และที่กล่าวในข้อต่อมาว่า " จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้" ก็เป็นข้อที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำการตามความในข้อ 2 มาตรา 306(2) และข้อต่อไปที่โจทก์กล่าวว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้" ก็ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นความเท็จ ไม่จำต้องย้ำความซ้ำจึงพิพากษาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาคดีแล้วพิพากษาใหม่

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th