ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เครื่อง ของกลาง

จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสามเป็นผู้เสพยาเสพติด จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 138 ให้คุมความประพฤติจำเลยทั้งสามมีกำหนด 1 ปี ดังนี้

  1. ให้จำเลยทั้งสามไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ทุกระยะ 3 เดือน ต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี ทุกครั้งที่มารายงานตัวให้ตรวจปัสสาวะของจำเลยทั้งสาม หากพบสารเสพติดให้โทษให้รายงานให้ศาลทราบ

  2. ให้จำเลยทั้งสามประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อเป็นกิจจะลักษณะ

  3. ให้ละเว้นการคบหาสมาคมกับบุคคลที่มีความประพฤติไม่ดี โดยเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ

  4. ห้ามเที่ยวเตร่ในเวลากลางคืนหรือเข้าไปในสถานเริงรมย์ทุกประเภทหรือเกี่ยวข้องกับหญิงค้าประเวณี

  5. ห้ามดื่มสุรา สูบบุหรี่ สูดดมสารระเหยหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิด

  6. ห้ามออกจากที่อยู่อาศัยในเวลากลางคืน เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นหรือได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง

  7. ให้จำเลยทั้งสามมาศาลเมื่อศาลจัดโครงการที่เป็นประโยชน์แก่จำเลยทั้งสาม

ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

โจทก์ฎีกาโดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาอ้างว่า ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยทั้งสามต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน และร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายซึ่งเป็นกรณีที่จะต้องเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 แต่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยทั้งสามไปควบคุมเพื่อตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดเกินกว่าระยะเวลา 24 ชั่วโมง นับแต่จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ต้องหามีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์มาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน ตามมาตรา 19 วรรคสอง เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง กรณีดังกล่าวมิได้ทำให้ความผิดทางอาญาระงับไป พนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนมาให้โจทก์พิจารณา โจทก์มีอำนาจพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องความผิดฐานใดก็ได้ โจทก์มีคำสั่งไม่ฟ้องในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน แต่โจทก์เห็นว่าคดีมีมูลและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย การยื่นฟ้องคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้น เห็นว่า เจตนารมณ์ของการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานเสพยาเสพติดในชั้นที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง เพื่อเยียวยาแก้ไขเสียก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล และเป็นบทบังคับให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตราดังกล่าวไปศาลภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่การที่พนักงานสอบสวนมิได้นำตัวจำเลยทั้งสามไปศาลภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยทั้งสามไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดเพื่อให้จำเลยทั้งสามได้รับประโยชน์ในการที่จะได้รับการพิจารณาเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดอันจะมีผลให้พ้นจากความผิดที่ถูกกล่าวหาตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว การที่พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนโดยมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 19 จึงเป็นการสอบสวนโดยไม่ชอบ เท่ากับว่าไม่มีการสอบสวนคดีนี้มาก่อนและเมื่อพนักงานสอบสวนได้กล่าวหาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน หากจำเลยทั้งสามได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจนครบถ้วนตามที่กำหนดในแผนและผลการฟื้นฟูเป็นที่พอใจแก่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ก็จะพ้นจากความผิดทุกข้อที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 19 ในทางกลับกันการที่พนักงานสอบสวนไม่ปฏิบัติตามตัวบทกฎหมายย่อมส่งผลให้พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องทุกข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6 หาใช่เป็นดุลพินิจของโจทก์ที่จะพิจารณาสั่งฟ้องเป็นรายข้อหาไปได้ไม่ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองพิพากษาเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในฟ้องนั้น โดยโจทก์ฎีกาอ้างว่าโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนทั้งมิใช่เป็นการที่ศาลเห็นว่าเด็กหรือเยาวชนมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิดหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่อันอาจชักนำให้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 138 การที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยทั้งสามขณะทำผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนว่า จำเลยทั้งสามถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเสพเมทแอมเฟตามีนและร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และศาลชั้นต้นได้สอบถามจำเลยทั้งสามในห้องพิจารณา จำเลยทั้งสามรับว่าเสพเมทแอมเฟตามีน กรณีจึงเป็นเรื่องที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยทั้งสามมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เสี่ยงต่อการกระทำความผิดหรืออาจถูกชักนำให้กระทำความผิดได้ หาใช่เป็นการวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนไม่ เพราะมิได้ปรับบทกฎหมายหรือกำหนดโทษฐานนี้แต่ประการใด กรณีเป็นการใช้อำนาจเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กหรือเยาวชนตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 138 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางนั้นไม่ชอบ เพราะศาลมิได้พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือได้มาโดยได้กระทำความผิด ซึ่งหมายถึงความผิดตามฐานที่ฟ้อง จึงไม่อาจริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 เห็นควรแก้ไข

พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ยชอ.137/2560

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th