สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5812/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5812/2539

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 132, 260, 264

ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฎว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่นั้นศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้วโดยพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นผลก็คือโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายตรงข้ามกับจำเลยผู้ขอคุ้มครองชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264เป็นฝ่ายชนะคดีและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ศาลอุทธรณ์ได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามมาตรา264วรรคสองประกอบมาตรา260(1)จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไปศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาเช่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมจำเลยได้รับคำบังคับโดยวิธีปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2537 แต่ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์จึงขอให้ออกหมายบังคับคดี และต่อมาวันที่ 6กรกฎาคม 2537 โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำพิพากษากับนำยึดทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในสิ่งปลูกสร้างนั้นรวม 5 รายการด้วย

วันที่ 13 มกราคม 2538 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ได้มีการยึดทรัพย์และบังคับตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2537 จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาแล้ว จึงให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในระหว่างอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาคำร้องขอทุเลาการบังคับแล้วมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยพอแปลได้ว่า จำเลยขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 เห็นสมควรให้งดการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์

โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฎว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยที่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่นั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษาแล้วโดยพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ผลก็คือโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายตรงข้ามกับจำเลยผู้ขอคุ้มครองชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 เป็นฝ่ายชนะคดีและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 มิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณาแต่อย่างใดคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 วรรคสองประกอบมาตรา 260(1) ฉะนั้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไป

ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย บัญชา เวศย์วรุตม์ จำเลย - นาย สุภาพ ยิ้มแฉ่ง

ชื่อองค์คณะ ไพศาล รางชางกูร อร่าม หุตางกูร สมพล สัตยาอภิธาน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE