สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2539

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 27, 79 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 153

จำเลยอ้างในคำร้องว่าบ้านเลขที่ตามคำฟ้องไม่มีตัวบ้านหรืออาคารที่พักอาศัยและพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปปิดไว้ณหอพักระพีพร ซึ่งไม่ใช่บ้านเลขที่ตามคำฟ้องหากเป็นจริงตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวการส่งหมายดังกล่าวก็เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79และไม่มีผลตามกฎหมายจำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา153ดังนั้นศาลชั้นต้นชอบที่จะรับคำร้องของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไปว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยชอบหรือไม่

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย จำเลยไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด

จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่เคยทราบถึงการฟ้องคดีของโจทก์จำเลยมีชื่ออยู่บ้านเลขที่ 25/13 หมู่ที่ 5 ตำบลหมู่บ้านเขตขยายใหม่ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ตามฟ้องแต่จำเลยไม่เคย ไปอยู่อาศัยหรือพำนัก ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวเนื่องจากบ้านเลขที่ดังกล่าวไม่มีตัวบ้านหรืออาคารที่พักอาศัยแต่อย่างใด ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยพนักงานเดินหมายระบุไว้ในรายงานการเดินหมายว่า บ้านดังกล่าวเป็นหอพักระพีพร ตึก 2 ชั้นสีขาว ใกล้เลขที่ 7 ซึ่งจำเลยและทนายจำเลยได้ไปตรวจสอบแล้วปรากฎว่าหอพักระพีพรมีอยู่จริงแต่เป็นบ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 5 แขวงบางซื่อ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153จำเลยมีทรัพย์สินสามารถชำระหนี้ได้ ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแต่จำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดโดยไม่ทราบถึงการฟ้องร้อง และเพิ่งมาทราบเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2538 จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ทำให้ได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ยกเลิกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด และมีคำสั่งให้โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ทั้งหมด

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แจ้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่27 กุมภาพันธ์ 2538 จำเลยยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 และตามคำร้องไม่มีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลายโดยระบุในคำฟ้องว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 25/13 หมู่ที่ 5 ตำบลหมู่บ้านเขตขยายใหม่แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยครั้งแรกปรากฎว่า ไม่พบจำเลยพบแต่ชายอายุประมาณ 30 ปี แจ้งว่าไม่มีชื่อจำเลยในที่ดังกล่าว และไม่ยอมรับหมายไว้แทน จึงส่งหมายดังกล่าวไม่ได้ ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์ โดยแนบแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร จากฐานข้อมูลการทะเบียน สำนักงานทะเบียนกลาง ที่ระบุว่าจำเลยมีที่อยู่ตามฟ้องมาด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตตามคำแถลงของโจทก์ แต่ให้โจทก์ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยใหม่ การส่งหากไม่พบไม่มีผู้รับแทนโดยชอบให้ปิด ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยครั้งที่สองปรากฎว่าไม่พบจำเลย พบชายอายุประมาณ30 ปี แจ้งว่าไม่มีชื่อจำเลยในที่ดังกล่าว และไม่เต็มใจรับหมายไว้แทน จึงทำการปิดหมายไว้ที่บ้านดังกล่าวตามคำสั่งศาลแล้วการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองครั้งดังกล่าวพนักงานเดินหมายระบุไว้ในรายงานการเดินหมายด้วยว่า บ้านดังกล่าวเป็นหอพักระพีพร ตึก 2 ชั้น สีขาวใกล้เลขที่ 7 ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วให้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวและมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหมายเรียกจำเลยไปให้การสอบสวนเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินโดยแจ้งคำสั่งศาลที่มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดไปให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2538 ณ ที่อยู่ตามฟ้อง คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า หากได้ความเป็นความจริงดังที่จำเลยอ้างในคำร้องว่า บ้านเลขที่ 25/13 หมู่ที่ 5 ตำบลหมู่บ้าน เขตขยายใหม่ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานครตามคำฟ้อง ไม่มีตัวบ้านหรืออาคารที่พักอาศัย และพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปปิดไว้ ณ หอพักระพีพร ซึ่งไม่ใช่บ้านเลขที่ตามคำฟ้องแล้วการส่งหมายดังกล่าวก็เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 และไม่มีผลตามกฎหมาย จำเลยเพิ่งทราบมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2538 และยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2538 จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ดังนั้นศาลชั้นต้นชอบที่จะรับคำร้องของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไปว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยชอบหรือไม่

พิพากษากลับ ให้รับคำร้องของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไปค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่แล้วแต่กรณี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท ปิฎกานนท์ จำกัด จำเลย - นาย ชัยพร อรัณยกานนท์

ชื่อองค์คณะ สมพงษ์ สนธิเณร สมาน เวทวินิจ ทวีชัย เจริญบัณฑิต

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE