ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 91, 145, 148, 157, 337, 33 กับริบกล้องถ่ายรูปและรถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน 7 ร - 8149 กรุงเทพมหานคร และให้คืนเงิน 4,000 บาท แก่เจ้าของ

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ระหว่างการพิจารณา นายแสวง ปัญโญใหญ่ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 157, 337 วรรคแรก ลงโทษตามมาตรา 148 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 6 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 148, 157ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 145 วรรคแรก, 337 วรรคแรก ลงโทษตามมาตรา 148 ประกอบมาตรา 86 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ริบกล้องถ่ายรูปของกลางคำขออื่นให้ยก

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ขู่เข็ญ เรียกร้องเงินจากโจทก์ร่วมและนายสุเธียรเพื่อที่จะไม่จับกุมบุคคลทั้งสองในข้อหามีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จนโจทก์ร่วมและนายสุเธียรยอมให้เงินดังกล่าว ทั้งนี้โดยจำเลยที่ 2 ได้แสดงตนด้วยว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดและพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ประกอบมาตรา 86 นั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนความผิดอาญา เมื่อได้พบและกล่าวหาว่า โจทก์ร่วมและนายสุเธียรมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันมิใช่การแกล้งกล่าวหา การที่จำเลยที่ 1 ไม่จับกุมแต่กลับขู่เข็ญเรียกเงินแล้วละเว้นไม่จับกุมโจทก์ร่วมและนายสุเธียรจึงไม่ใช่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นบทเฉพาะมาด้วย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อันเป็นบททั่วไปและเป็นบทที่โจทก์ฟ้องมาได้ สำหรับจำเลยที่ 2 มิใช่เจ้าพนักงานแต่ร่วมกระทำผิดฐานนี้ด้วย จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 337 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก6 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86, 337 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83, 145 วรรคแรก ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 อันเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th