ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 336,922 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ 22 มกราคม 2549 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 336,922 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 22 มกราคม 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 22 มกราคม 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 รับรองว่ามีเหตุสมควรที่โจทก์และจำเลยตามลำดับจะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2548 ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยาประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอปง ในวันที่ 22 มกราคม 2549 จำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เขตเลือกตั้งที่ 2 หมายเลข 2 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงสุด ต่อมามีผู้ร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดพะเยาว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 และมาตรา 60 คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดพะเยาได้สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว มีหลักฐานเชื่อว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายการเลือกตั้งดังกล่าวจริง จึงรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการ ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีคำวินิจฉัยสั่งการให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดหนึ่งปี และสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดซึ่งต้องไม่เกินค่าใช้จ่ายในการให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเวลาต่อมาผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยาได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยาใหม่ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2549 และใช้งบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่เป็นเงินจำนวน 336,922 บาท และของโจทก์เป็นเงินจำนวน 9,600 บาท

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยประการแรกว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 หยิบยกปัญหาเรื่ององค์ประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา 8 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 ขึ้นมาวินิจฉัยในคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยาจัดให้มีขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2549 ต่อมามีผู้ร้องคัดค้าน คณะกรรมการการเลือกตั้งให้สืบสวนสอบสวนแล้วได้ทำรายงานเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีคำวินิจฉัยสั่งการที่ 812/2549 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2549 ซึ่งช่วงระยะเวลาดังกล่าวพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 มีผลใช้บังคับ แม้ต่อมาจะมีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 ออกมาใช้บังคับ ซึ่งได้กำหนดสัดส่วนองค์ประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้งในมาตรา 8 แตกต่างไปจากกฎหมายฉบับเดิมก็ตาม ศาลจะหยิบยกกฎหมายฉบับที่แก้ไขใหม่ดังกล่าวมาปรับแก่คดีนี้ไม่ได้ คำวินิจฉัยในส่วนนี้ของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยในส่วนนี้ฟังขึ้น

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยประการต่อมาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ข้อความตามมาตรา 8 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 ที่บัญญัติว่า การประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องมีกรรมการการเลือกตั้งมาประชุมไม่น้อยกว่าสี่ในห้าของจำนวนกรรมการการเลือกตั้งทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ มีความหมายชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่าในขณะที่ลงมติถ้ามีกรรมการการเลือกตั้งเหลืออยู่จำนวนเท่าใด องค์ประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องมีสัดส่วนไม่น้อยกว่าสี่ในห้าของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ในขณะนั้น คดีนี้ได้ความว่าขณะลงมติมีกรรมการการเลือกตั้ง 3 คน ได้มาร่วมประชุมและกรรมการการเลือกตั้งทั้งสามคน ได้ลงมติให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยและให้มีการเลือกตั้งใหม่ จึงเป็นการลงคะแนนไม่น้อยกว่าสี่ในห้าของจำนวนกรรมการตามนัยแห่งกฎหมายข้างต้นแล้ว ฎีกาจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อมาว่า การที่จำเลยถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 885/2551 หมายเลขแดงที่ 2288/2552 ของศาลชั้นต้น ในความผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เมื่อจำเลยถูกฟ้องให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในค่าใช้จ่ายตามจำนวนที่มีการเลือกตั้งใหม่ การฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ ศาลจะต้องถือเอาข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีส่วนอาญาหรือไม่ เห็นว่า การฟ้องผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้รับผิดค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 99 วรรคหนึ่ง นั้น เป็นการฟ้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรับผิดในทางแพ่งที่มีเหตุมาจากการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่าฝืนมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้เลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 97 วรรคหนึ่ง แม้จำเลยจะถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวด้วยก็ตาม กรณีมิใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ที่ศาลจะต้องถือข้อเท็จจริงตามปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังที่จำเลยอ้าง เพียงแต่ว่าเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดว่าไม่เคยกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและมีการเลือกตั้งใหม่ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบปฏิเสธความรับผิดตามคำให้การได้ และมีสิทธิอ้างคำพิพากษาในคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ และศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวประกอบได้ แต่พยานหลักฐานดังกล่าวจะมีน้ำหนักให้รับฟังได้ประการใดหรือไม่เป็นกรณีที่ต้องพิจารณาตามหลักเรื่องภาระการพิสูจน์และการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการพิจารณาคดีนี้เพื่อฟังผลคดีอาญาดังกล่าวจึงชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้จำเลยฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลในทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง โดยได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง ดังนั้น จึงต้องคืนค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดแก่โจทก์

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 336,922 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 22 มกราคม 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คืนค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากนี้ให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.2603/2554

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th