ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาภาระจำยอมระหว่างโจทก์กับจำเลยได้เลิกกันไปแล้ว ไม่อาจใช้บังคับกันได้อีกต่อไปจึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดที่ดินของจำเลยตามโฉนดเลขที่ 16551 ตำบลวัดชลอ (บางกรวยฝั่งใต้) อำเภอบางกรวยจังหวัดนนทบุรี

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า เห็นว่ามีเหตุสมควร ให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือแจ้งสำนักงานที่ดินแห่งท้องที่ที่ดินตั้งอยู่ ห้ามจำเลยจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 166551ตำบลวัดชลอ (บางกรวยฝั่งใต้) อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีเฉพาะส่วนเนื้อที่ตามสัญญาภาระจำยอมเนื้อที่ 166 ตารางวา ไว้ในระหว่างอุทธรณ์

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งที่ให้อายัดที่ดินดังกล่าว อ้างว่าศาลอุทธรณ์ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะสั่งและศาลอุทธรณ์สั่งโดยไม่ทำการไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 255 เสียก่อน ขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งของศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2533

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เพราะข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้วว่าสัญญาภาระจำยอมไม่อาจใช้บังคับกันต่อไปได้อีก และที่ฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ไม่มีเหตุที่จะได้รับความคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เพราะศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง การขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์จึงเป็นการรบกวนกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย นั้น เห็นว่า การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาก็เพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลอุทธรณ์จะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษา จำเลยอ้างว่าสัญญาภาระจำยอมไม่อาจใช้บังคับกันได้ต่อไปอีก ข้อเท็จจริงนี้หาได้ยุติไม่ ศาลอุทธรณ์อาจวินิจฉัยว่า สัญญาภารจำยอมยังคงบังคับได้และพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีก็ได้ จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ก็ยังโต้แย้งกันอยู่ว่าถ้าหากจำเลยโอนที่ดินของจำเลยให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วโจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ โจทก์ก็จะไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการพิพาทกัน จำเลยไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงหรือเหตุผลพอที่จะให้ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจว่าจะเพิกถอนคำสั่งที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาหรือไม่ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งห้ามจำเลยจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทตามคำร้องขอของโจทก์โดยมิได้ไต่สวนก่อนจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่า ตามคำฟ้อง คำให้การ คำร้องและคำร้องคัดค้านข้อเท็จจริงรับกันได้ความว่า ตามคำฟ้องและโอกาสที่โจทก์ยื่นคำร้องขอนั้นมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษามาใช้ ซึ่งได้ความครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 255 (1) และ (2) แล้ว ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอของโจทก์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐานของคู่ความแต่อย่างใด

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th