ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2510 จำเลยมีปืนลูกซองพกสั้น ชนิดทำเองในประเทศหนึ่งกระบอก กับกระสุนปืนลูกซอง 6 นัดโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายชบถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวในวันที่ 21 เดือนเดียวกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับขอให้ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ซึ่งเป็นกระทงหนัก ให้จำคุกตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ให้จำคุก 15 ปี ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าผู้ตายส่วนในข้อหาครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2510 บัญญัติว่า "ผู้ใดมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ไม่ว่าชนิดหรือขนาดใด ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่อาจอนุญาตได้ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ถ้าได้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดดังกล่าวมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ" ปรากฏตามฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนชนิดทำเองไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานและกระสุนปืนไว้ในครอบครองเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2510 เจ้าพนักงานจับจำเลยและยึดเอาอาวุธปืนกับกระสุนปืนนั้นไปเป็นของกลางเมื่อวันที่ 21เดือนเดียวกัน เมื่อเจ้าพนักงานยึดเอาปืนและกระสุนปืนของจำเลยไปนั้น ยังไม่พ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ ยังคงอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะนำปืนและกระสุนปืนนั้นไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษในข้อหานี้และปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมายให้ลงโทษหรือไม่นั้นเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นโต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรค 2 ประกอบมาตรา 225

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางไม่ริบ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th