ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของร้อยตำรวจเอกนิคม จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2519มีบุตรด้วยกัน 1 คน ต่อมาในวันที่ 20 สิงหาคม 2523 โจทก์และร้อยตำรวจเอกนิคมได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันและจดทะเบียนสมรสกันใหม่ในวันที่ 21 สิงหาคม 2523 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2533ร้อยตำรวจเอกนิคมได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลง ปรากฏว่าร้อยตำรวจเอกนิคมได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน2522 การสมรสระหว่างร้อยตำรวจเอกนิคมกับจำเลยจึงเป็นโมฆะแต่จำเลยยังใช้สิทธิในการขอรับเงินบำนาญพิเศษและบำเหน็จตกทอดกับเงินอื่น ๆ ตามสิทธิที่พึงได้รับในฐานะภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาว่าการสมรสระหว่างจำเลยกับร้อยตำรวจเอกนิคมเป็นโมฆะ

จำเลยให้การว่า จำเลยได้จดทะเบียนสมรสกับร้อยตำรวจเอกนิคมโดยไม่ทราบมาก่อนว่าร้อยตำรวจเอกนิคมมีโจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนแล้ว หากทราบจำเลยจะไม่ยินยอมสมรสกับร้อยตำรวจเอกนิคมด้วย การสมรสของจำเลยกระทำไปโดยสุจริต เปิดเผยอยู่กินด้วยกันโดยเปิดเผยจนมีบุตร 4 คน จำเลยเพิ่งทราบเมื่อถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ การที่โจทก์จดทะเบียนหย่ากับร้อยตำรวจเอกนิคมเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2523 แล้วมาจดทะเบียนสมรสกันใหม่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2523 นั้น เป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อนกับการจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับร้อยตำรวจเอกนิคม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า การสมรสระหว่างจำเลยกับนายนิคมหรือร้อยตำรวจเอกนิคมเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2522เป็นโมฆะ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่าปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบว่า ขณะที่จำเลยกับร้อยตำรวจเอกนิคมจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2522 ร้อยตำรวจเอกนิคมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์อยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้นการสมรสระหว่างจำเลยกับร้อยตำรวจเอกนิคมจึงฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496 เดิมซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น การตกเป็นโมฆะดังกล่าวมีผลเท่ากับว่าจำเลยและร้อยตำรวจเอกนิคมมิได้ทำการสมรสกัน ดังนั้นการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์และร้อยตำรวจเอกนิคมในครั้งหลังจึงกระทำในขณะที่จำเลยไม่มีฐานะเป็นคู่สมรสของร้อยตำรวจเอกนิคมการสมรสระหว่างโจทก์และร้อยตำรวจเอกนิคมจึงชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 133 เดิมและมาตรา 1497 เดิม มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสระหว่างจำเลยกับร้อยตำรวจเอกนิคมเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1496 เดิม

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th