สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6104/2564

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6104/2564

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 350 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 158 (5)

คำฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ แม้พอจับใจความได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์เนื่องจากผิดสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง แต่การโอนทรัพย์ไปให้แก่ผู้อื่นเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนได้รับชำระหนี้ อันจะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350 นั้น จะต้องปรากฏว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้ และผู้กระทำก็ต้องรู้ว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้ หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ตามคำฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุเช่นนั้น คงบรรยายเพียงว่าจำเลยทั้งสองกระทำไปโดยคาดหมายว่าโจทก์อาจฟ้องร้องบังคับคดีเท่านั้น คำฟ้องโจทก์ขาดสาระสำคัญไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 350

ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 หรือไม่ เห็นว่า การพิจารณาว่าคำฟ้องโจทก์ครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ต้องพิจารณาจากคำฟ้องของโจทก์เท่านั้น ไม่อาจนำเอกสารท้ายฟ้อง เอกสารท้ายอุทธรณ์และเอกสารท้ายฎีกามาพิจารณาประกอบกับคำฟ้อง ซึ่งเมื่อพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ แม้พอจับใจความได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์เนื่องจากผิดสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง แต่การโอนทรัพย์ไปให้แก่ผู้อื่นเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ อันจะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 นั้น จะต้องปรากฏว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้ และผู้กระทำก็ต้องรู้ว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้เพิกถอนการทำสัญญาขายฝากที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ 2 ทราบแล้วว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ครึ่งหนึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ยังมีหนี้และผูกพันต้องชำระให้แก่โจทก์ และโจทก์สามารถใช้สิทธิทางศาลเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ได้ แต่จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิด โดยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2556 จำเลยทั้งสองจดทะเบียนหย่า ท้ายทะเบียนหย่ากลับไม่ได้ทำบันทึกทรัพย์สินระหว่างสมรส ต่อมาวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 จำเลยทั้งสองเพื่อไม่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ ร่วมกันทำบันทึกการแบ่งสินสมรส แล้วจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 จดทะเบียนแบ่งทรัพย์สินระหว่างคู่สมรสในที่ดินทั้งสองแปลงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียว เพื่อไม่ให้โจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ทั้งหมด โจทก์ทราบการกระทำของจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 เนื่องจากมอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นคำร้องเกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวพร้อมมอบอำนาจให้ทำการอายัดเพื่อฟ้องคดีนั้น คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ และจำเลยทั้งสองรู้ว่าโจทก์ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ เนื่องจากการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์สามารถใช้สิทธิทางศาลเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ได้ เป็นเพียงการบรรยายว่าจำเลยทั้งสองกระทำไปทั้งที่คาดหมายว่าโจทก์อาจฟ้องร้องบังคับคดีเท่านั้น ส่วนวันที่ที่โจทก์ระบุว่าทำการอายัดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวเพื่อฟ้องคดีก็เป็นภายหลังการจดทะเบียนแบ่งทรัพย์สินในที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ส่วนฎีกาข้ออื่นของโจทก์ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.2433/2564

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย พ. จำเลย - นาง ก. กับพวก

ชื่อองค์คณะ พิชัย เพ็งผ่อง จรัญ เนาวพนานนท์ อรุณ เรืองเพชร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแขวงขอนแก่น - นางสาวณัฏฐ์นิชา สุวรรณพงษ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 - นายบุญเกียรติ ฤาชัยสา

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th