คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6136/2537
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 150, 113 เดิม ประมวลกฎหมายที่ดิน ม. 86, 113
ซ. สามีของจำเลยเป็นคนต่างด้าวซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากอ.แต่ให้ส. เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทน นิติกรรมการซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทระหว่าง ซ.กับอ.และนิติกรรมการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทของ ส.แทนซ.จึงมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้ง ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 86 และมาตรา 113 ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เดิม (มาตรา 150ที่แก้ไขใหม่)
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 6337แขวงยานนาวา (ห้วยขวาง) เขตยานนาวา (บางรัก) กรุงเทพมหานครโจทก์ได้ให้จำเลยและบริวารอยู่อาศัยบนที่ดินและบ้านพิพาทเรื่อยมาต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่อาศัยอีกต่อไป ขอให้บังคับจำเลยพร้อมทั้งบริวารออกไปจากที่ดินและบ้านของโจทก์ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินและบ้านของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินและบ้านพิพาทตามฟ้องเป็นของจำเลยโดยจำเลยและนายซินกวง แซ่ตัน สามีของจำเลยซื้อมาจากนางอุษา แสงเงิน แต่เนื่องจากนายซินกวงเป็นคนต่างด้าว จึงได้ให้นายสงวน วนเจริญวงศ์ เป็นผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินแทน นายสงวนและโจทก์ได้สมคบกันฉ้อฉลจำเลยโดยแอบเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินของโจทก์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และบังคับให้โจทก์ไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินตามฟ้องเป็นชื่อจำเลยหรือนายสุรชัย หากโจทก์ไม่กระทำขอถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนโจทก์ และให้โจทก์ส่งมอบโฉนดที่ดินตามฟ้องเพื่อไปดำเนินการต่อไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่ดินและบ้านพิพาทนางซิงไน้มารดาโจทก์ซื้อมาจากนางอุษาโดยให้นายสงวนน้องมารดาโจทก์ทำนิติกรรมและเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน ซึ่งต่อมานายสงวนได้โอนคืนแก่โจทก์ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและบ้านเลขที่ 473 ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เดือนละ2,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและบ้านของโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นายซินกวงสามีของจำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวได้ซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากนางอุษาแล้วให้นายสงวนเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างนายซินกวงกับนางอุษา และนิติกรรมการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่พิพาทของนายสงวนแทนนายซินกวง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งตามมาตรา 86 และมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินจึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เดิม (มาตรา150 ที่แก้ไขใหม่) นายสงวนจึงไม่มีสิทธิโอนขายที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อนายสงวนโอนขายที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์โจทก์ในฐานะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิในที่ดินและบ้านพิพาทดีกว่านายสงวนผู้โอน โจทก์จึงเป็นผู้ไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินและบ้านพิพาทเมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิในที่ดินและบ้านพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีกต่อไป คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านและที่ดินพิพาทไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสาว ยุ ว ดี เผ่า สุข ถาวร จำเลย - นาง เต็กเอ็ง แซ่อึ้ง
ชื่อองค์คณะ สุรินทร์ นาควิเชียร นาม ยิ้มแย้ม จรัญ หัตถกรรม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan