ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า ตั้งแต่จดทะเบียนภารจำยอมไว้ ไม่มีผู้ใดทำถนนบนทางภารจำยอมเลยจนบัดนี้ อีกทั้งมิได้ใช้ประโยชน์จากทางภารจำยอมดังกล่าวเป็นเวลานานเกินกว่า10 ปี และทางภารจำยอมแห่งนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ในปัจจุบันอีก ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 5701 ซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมเรื่องทางเดินของที่ดินโฉนดเลขที่ 2315 และ 10057

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ยังคงใช้ประโยชน์ในทางภารจำยอมดังกล่าวมาตลอด จำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและภารจำยอมทางเดินไม่ถึง 10 ปีโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอเพิกถอนภารจำยอม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ 5701 ตำบลนาดี (บางปิ้ง) อำเภอเมืองสมุทรสาครจังหวัดสมุทรสาคร ที่เป็นภารจำยอมเรื่องทางเดินของที่ดินโฉนดเลขที่ 2315และ 10057 ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า จำเลยทั้งสองและเจ้าของสามยทรัพย์คนก่อนไม่ได้ใช้ภารจำยอมนานสิบปีขึ้นไปหรือไม่ หรือภารจำยอมในทางพิพาทหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์หรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า เส้นทางภารจำยอมตามบันทึกข้อตกลงมิได้ใช้สิบปีขึ้นไปส่วนตามมาตรา 1400 โจทก์ก็จะต้องนำสืบให้ได้ความว่าภารจำยอมดังกล่าวหมดประโยชน์หรือเสื่อมประโยชน์แก่สามยทรัพย์ซึ่งจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของ แต่ทางนำสืบของโจทก์ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 และมาตรา 1400 แต่อย่างใด เพราะเมื่อพิเคราะห์สารบัญจดทะเบียนที่ดินโฉนดเลขที่ 2315และ 10057 ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเพิ่งรับโอนที่ดินสามยทรัพย์ตามโฉนดทั้งสองแปลงเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2526 กับวันที่ 24 กันยายน 2524 ตามลำดับ ซึ่งเป็นวันก่อนวันฟ้องวันที่ 13 กรกฎาคม 2532 ไม่ถึง 10 ปี และตามสารบัญจดทะเบียนโฉนดที่ดินเลขที่ 5701ของโจทก์กับบันทึกข้อตกลงเรื่องภารจำยอมว่า จดทะเบียนภารจำยอมแก่ที่ดินสามยทรัพย์ทั้งสองแปลงเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2516 เมื่อนับจนถึงวันที่จำเลยทั้งสองรับโอนที่ดินสามยทรัพย์ทั้งสองแปลงแล้ว ระยะเวลายังไม่ถึง 10 ปี ทั้งโจทก์ก็ไม่นำสืบยืนยันว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ใช้ทางภารจำยอมเดินแต่อย่างไร ทั้งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบยืนยันว่า จำเลยที่ 2 ได้ใช้ทางภารจำยอมเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะไม่มีเส้นทางอื่นอีก จึงฟังไม่ได้ว่าไม่มีการใช้ทางภารจำยอมติดต่อกันนานถึง 10 ปี ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ได้ใช้เส้นทางที่สร้างขึ้นใหม่จากที่ดินแปลงอื่นซึ่งซื้อจากบุคคลภายนอกไปสู่โรงงานของจำเลยที่ 2 นั้น หากเป็นจริงก็เป็นเส้นทางซึ่งจำเลยที่ 2 ใช้เป็นประโยชน์สำหรับที่ดินแปลงอื่นเพื่อใช้ออกสู่โรงงาน ไม่ใช่สำหรับที่ดินแปลงสามยทรัพย์เพื่อใช้ออกทางสาธารณะ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าทางภารจำยอมหมดประโยชน์หรือเสื่อมประโยชน์แก่สามยทรัพย์ ตามรายงานการเดินเผชิญสืบของศาลชั้นต้นแสดงว่าจำเลยทั้งสองยังใช้ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมอยู่ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนเลิกภารจำยอม

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th