ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเก้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 334, 335, 336 ทวิ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. 2507 มาตรา 4, 6, 9, 14, 31, 35 ริบของกลาง

จำเลยทั้งเก้าให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งเก้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) วรรคหนึ่ง, ประกอบมาตรา 336 ทวิพระราชบัญญัติ ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 36 วรรคสอง (2)(ที่ถูกคือมาตรา 31 วรรคสอง) เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 สำหรับจำเลยที่ 6 อายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งทุกกระทง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้ว ความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะจำคุก 9 เดือน ฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7ถึงที่ 9 ฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ จำคุกคนละ1 ปี 6 เดือน ฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจำคุกคนละ 2 ปีรวมจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 1 ปี 9 เดือน จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5และที่ 7 ถึงที่ 9 คนละ 3 ปี 6 เดือน จำเลยทั้งเก้าให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด10 เดือน 15 วัน จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9คนละ 1 ปี 9 เดือน พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะแล้วไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ริบของกลาง

จำเลย ทั้ง เก้า อุทธรณ์ ขอให้ รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งเก้าเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507มาตรา 14, 31 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยที่ 6 อายุไม่เกิน 17 ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้วจำคุก 1 ปี จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 คนละ 2 ปีเมื่อลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5และที่ 7 ถึงที่ 9 คนละ 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยทั้งเก้าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามฟ้องหรือไม่พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องเป็นสองกรรมแยกต่างหากจากกัน แต่เมื่ออ่านรวมกันแล้วได้ความว่า จำเลยทั้งเก้าเข้าไปตัดต้นยูคาลิปตัสในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 38 ตันแล้วทอนออกเป็นท่อนได้ 250 ท่อน และใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกออกจากป่าไปในวันเวลาเดียวกัน ไม้ที่จำเลยทั้งเก้าร่วมกันตัดฟันและลักเอาไป จึงเป็นไม้จำนวนเดียวกัน และได้กระทำคราวเดียวพร้อมกันต่อเนื่องกันไปโดยมีเจตนาเพียงเพื่อประสงค์ต้องการไม้เท่านั้น จึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th