ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่สวน 1 แปลงเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2534 จนถึงปัจจุบัน จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์แล้วลักเอามะพร้าวจำนวน 30 ผล ราคา 150 บาท ตัดฟันทำลายต้นลางสาด 1 ต้นราคา 500 บาท ต้นยางพารา 11 ต้น ราคา 2,200 บาท เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 2,850 บาทขอให้พิพากษาห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2,850 บาทแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเป็นที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) เลขที่ 191หมู่ที่ 9 ซึ่งนายทองสิน อินทร์สุทธิ์ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 30 ตารางวา ต่อมาที่ดินพิพาทได้ตกทอดเป็นมรดกแก่นายเหลื่อม อินทร์สุทธิ์ ผู้เป็นทายาทนายเหลื่อมได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา จนกระทั่งวันที่ 8 ตุลาคม 2534 จำเลยได้ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 613/2520 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างนายสงบจิตต์เขม้น กับนายเหลื่อม อินทร์สุทธิ์ จำเลย โดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่เคยคัดค้านหรือร้องขัดทรัพย์ จำเลยมีสิทธิเหนือที่ดินพิพาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า เดิมที่ดินพิพาทนายทองสิน อินทร์สุทธิ์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ต่อมานายทองสินถึงแก่กรรมที่ดินพิพาทเป็นมรดกตกได้นายเหลื่อม อินทร์สุทธิ์ ภายหลังศาลชั้นต้นได้ยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดในคดีหมายเลขแดงที่ 613/2520 ระหว่างนายสงบ จิตต์เขม้นโจทก์ นายเหลื่อม อินทร์สุทธิ์ จำเลย โจทก์ได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง จำเลยซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลได้ในราคา 62,000 บาท เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องขัดทรัพย์ของโจทก์ในคดีก่อน เป็นการแสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทจำเลยซื้อที่ดินพิพาทหลังจากศาล ได้มีคำพิพากษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล สิทธิของจำเลยไม่เสียไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 จำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th