ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินราชพัสดุของกระทรวงการคลัง ตั้งอยู่ที่ตำบลตูมใต้ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยได้ทำสัญญาเช่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินดังกล่าว โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอำเภอกุมภวาปีเพื่อดำเนินคดีอาญากับจำเลย พนักงานสอบสวนไกล่เกลี่ยตกลงประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมรับว่าจะทำการรื้อบ้านที่ปลูกอยู่ออกไปภายในกำหนด 15 วันตามสำเนารายงานเบ็ดเสร็จประจำวันท้ายฟ้อง ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่รื้อขอให้ศาลบังคับขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนบ้านที่สร้างอยู่ในที่ดินของโจทก์ออกไป

โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกกระทรวงการคลังเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมศาลอนุญาต

จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้บุกรุกการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านเดิมเป็นของนายดัน ต่อมานายเขียวซื้อเรือนพร้อมทั้งสิทธิครอบครองที่ดินจากนายดัน จำเลยซื้อเรือนและสิทธิอยู่ในที่ดินจากนายเขียวอีกทอดหนึ่ง โจทก์มิได้เช่าที่ดินตรงที่จำเลยซื้อจากนายเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยเช่าแล้ว โจทก์ไม่เคยครอบครองที่ดินสำเนาเบ็ดเสร็จประจำวันท้ายฟ้องไม่ใช่สัญญาประนีประนอม โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง

กระทรวงการคลังโจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องว่าเมื่อ พ.ศ. 2510 นายเขียวบุกรุกเข้าครอบครองปลูกเรือนหนึ่งหลังลงในที่ดินพิพาท จำเลยเข้าครอบครองบ้านเรือนและที่ดินส่วนที่นายเขียวบุกรุก โดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ร่วม โดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ ต่อโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมไม่ประสงค์จะให้จำเลยครอบครองที่พิพาทต่อไป ขอให้ศาลบังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท

วันชี้สองสถาน จำเลยรับว่ารายงานเบ็ดเสร็จประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอกุมภวาปีท้ายฟ้องถูกต้อง รายละเอียดเป็นไปตามสำเนาหนังสือจริง

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนที่ปลูกอยู่ในที่พิพาทออกไปห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ถือเอาข้อตกลงตามบันทึกรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอกุมภวาปีตามสำเนาท้ายฟ้องมาเป็นมูลฟ้องจำเลย ปัญหาจึงมีว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เหตุที่จะเกิดข้อตกลงตามบันทึกรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันดังกล่าวเนื่องจากโจทก์จำเลยมีกรณีพิพาทกันเรื่องที่ดินราชพัสดุ โดยโจทก์เป็นผู้ทำสัญญาเช่ากับกระทรวงการคลัง แล้วเข้าครอบครองที่ดินไม่ได้ เพราะจำเลยถือสิทธิเข้าครอบครองก่อนโจทก์จึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนไกล่เกลี่ย โจทก์จำเลยตกลงกันได้โดยจำเลยยอมรื้อบ้านเรือนออกไปภายใน 15 วัน แล้วโจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกนั้นบันทึกดังกล่าวจึงเข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะเป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยให้เสร็จไป มีผลทำให้โจทก์จำเลยได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้น โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th