คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6387/2540
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 54, 76 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 186 (7), 214 พระราชบัญญัติป่าไม้ ม. 48, 73
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นได้พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และมาตรา 73 เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ระบุอ้างบทมาตราที่เป็นบทความผิดและบทกำหนดโทษยกขึ้นปรับแก่คดีตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7)ประกอบมาตรา 214 บัญญัติไว้ถูกต้องแล้ว คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการที่ศาลล่างทั้งสองไม่ได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามวรรคใดนั้นเป็นเพียงการไม่สมบูรณ์ชัดเจนเท่านั้น ไม่ทำให้เป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76คือการลดอัตราโทษขั้นสูงและขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำโดยลดลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งแล้วจึงกำหนดโทษที่จะลงในระหว่างนั้น มิใช่ให้ศาลกำหนดโทษที่จะลงไว้ก่อนแล้วจึงลดจากโทษที่ได้กำหนดไว้ จึงต่างกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 ซึ่งเป็นเรื่องการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลงจากโทษที่ได้กำหนดแล้ว และการลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 มิใช่เป็นบทมาตราซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดหรือบทกำหนดโทษแม้ศาลชั้นต้นมิได้ปรับบทที่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2ว่าเป็นมาตรา 76 ก็ไม่เป็นเหตุให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2488มาตรา 4, 7, 48, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83 ริบของกลางและสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 7, 48, 73,74 ทวิ, 74 จัตวา จำเลยที่ 2 อายุ 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 1 ปี ปรับ 7,000 บาทจำเลยที่ 2 จำคุก 6 เดือน ปรับ 3,500 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน ปรับ 3,500 บาท จำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 3 เดือน ปรับ 1,750 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบของกลาง ให้จ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และมาตรา 73ต่างบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษเป็นสองวรรค แต่ละวรรคได้วางอัตราโทษไว้แตกต่างกัน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48 และมาตรา 73 โดยไม่ระบุว่าเป็นความผิดวรรคใดให้ชัดเจนคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) หรือไม่ เห็นว่าแม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยไม่ได้ระบุวรรคว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดวรรคใดก็ตามแต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และมาตรา 73 เช่นนี้ จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ระบุอ้างบทมาตราที่เป็นบทความผิดและบทกำหนดโทษยกขึ้นปรับแก่คดีตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) ประกอบมาตรา 214 บัญญัติไว้ถูกต้องแล้วคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงชอบด้วยกฎหมายส่วนการที่ศาลล่างทั้งสองไม่ได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามวรรคใดนั้นเป็นเพียงการไม่สมบูรณ์ชัดเจนเท่านั้นหาได้ทำให้เป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดไม่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังเป็นยุติว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่งและมาตรา 73 วรรคสอง ศาลฎีกาเป็นสมควรแก้ไขให้ครบถ้วนสมบูรณ์ได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
โจทก์ฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาลงโทษและลดมาตราส่วนให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งโดยมิได้กำหนดโทษที่จะลงก่อนแล้วจึงลดมาตราส่วนโทษก็ดี ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 มิได้ปรับมาตราที่ลดโทษว่าเป็นมาตราใดก็ดีคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 และมาตรา 76 และไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) นั้นเห็นว่า การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76คือการลดอัตราโทษขั้นสูงและขั้นต่ำ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำโดยลดลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งแล้วจึงกำหนดโทษที่จะลงในระหว่างนั้น มิใช่ให้ศาลกำหนดโทษที่จะลงไว้ก่อนแล้วจึงลดจากโทษที่ได้กำหนดไว้นั้นดังที่โจทก์อ้างจึงต่างกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 ซึ่งเป็นเรื่องการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลงจากโทษที่ได้กำหนดแล้วนอกจากนี้การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76ก็มิใช่เป็นบทมาตราซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นบทความผิดหรือบทกำหนดโทษแม้ศาลชั้นต้นมิได้ปรับบทที่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2ว่าเป็นมาตรา 76 ก็ไม่เป็นเหตุให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(7) ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง และมาตรา 73 วรรคสองนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการ จังหวัด อุบลราชธานี จำเลย - นาย ประสบ วัลย์เปรียงเถาว์ กับพวก
ชื่อองค์คณะ วิรัตน์ ลัทธิวงศกร วินัย วิมลเศรษฐ บุญศรี แก้วสาร
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan