สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6433/2541

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6433/2541

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 653 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 84, 93 (2), 94, 177

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์ แม้จำเลยให้การรับว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ตามฟ้องไป 3 ครั้งแต่จำเลยก็ให้การว่า จำเลยได้ชำระเงินกู้ยืมดังกล่าวแก่โจทก์ครบถ้วนแล้วและโจทก์ได้คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของจำเลยที่มอบให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกัน เงินกู้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้ว่า จำเลยได้ชำระเงินกู้ยืมดังกล่าวแก่โจทก์ และโจทก์ ได้คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่โจทก์ยึด ไว้เป็นประกันเงินกู้ให้จำเลยกับโจทก์ได้ทำหลักฐาน การรับชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้จำเลยไว้ แต่หลักฐานดังกล่าวสูญหายไป ซึ่งเป็นการนำสืบถึงรายละเอียด เกี่ยวกับที่มาของหลักฐานการชำระหนี้เป็นอย่างไร และเมื่อหลักฐานการชำระหนี้ดังกล่าวสูญหายจำเลยย่อมนำสืบพยานบุคคลได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2)

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้ยืมเงินจากนางสุนันท์ โลณวัณต์ไปรวม 3 ครั้ง คือ วันที่ 15 กันยายน 2530 จำนวน 5,000 บาทวันที่ 17 กันยายน 2530 จำนวน 10,000 บาท และวันที่22 มกราคม 2533 จำนวน 250,000 บาทในการกู้ยืมเงิน250,000 บาท ตกลงชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีทุกวันที่ 22 ของเดือน และจำเลยมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 2225 ให้แก่นางสุนันท์ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้ ต่อมาวันที่ 13 สิงหาคม 2535 นางสุนันท์ถึงแก่กรรมโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุนันท์ตามคำสั่งของศาลได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี จากต้นเงิน 265,000 บาทนับตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2533 ถึงวันฟ้อง รวมต้นเงินและดอกเบี้ย 457,125 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน457,125 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี จากต้นเงิน265,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยกู้ยืมเงินนางสุนันท์ตามฟ้องโจทก์แต่จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแก่นางสุนันท์ครบถ้วนแล้ว และนางสุนันท์ได้คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ที่ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้แก่จำเลยแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน265,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีจากต้นเงิน250,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน15,000 บาท โดยให้คิดดอกเบี้ยทั้งสองอัตรานับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยกู้ยืมเงินนางสุนันท์ โลณวัณต์ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2530 จำนวน 5,000 บาท วันที่ 17 กันยายน 2530 จำนวน 10,000 บาท และวันที่22 มกราคม 2533 จำนวน 250,000 บาท ตามบันทึกข้อความเอกสารหมาย จ.5 และ จ.4 และหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน เอกสารหมาย จ.6 มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยชำระเงินกู้ยืมดังกล่าวแก่นางสุนันท์แล้วหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การรับว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินนางสุนันท์รวม 3 ครั้ง แต่จำเลยได้ชำระเงินที่กู้ยืมแก่นางสุนันท์ครบถ้วนและนางสุนันท์ได้คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เอกสารหมาย ล.1 ที่จำเลยมอบให้นางสุนันท์ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้แก่จำเลยแล้วซึ่งเป็นคำให้การที่ชัดแจ้ง จึงไม่ต้องห้ามจำเลยที่จะนำสืบว่าจำเลยได้ชำระเงินกู้ยืมแก่นางสุนันท์ และนางสุนันท์ได้คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เอกสารหมาย ล.1และทำหนังสือรับชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้จำเลยไว้ แต่หนังสือดังกล่าวสูญหายไปดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยนั้น เห็นว่าแม้จำเลยให้การรับว่า จำเลยกู้ยืมเงินนางสุนันท์ไป 3 ครั้งตามบันทึกข้อความเอกสารหมาย จ.5 และ จ.4 และหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน เอกสารหมาย จ.6 แต่จำเลยก็ให้การว่าจำเลยได้ชำระเงินกู้ยืมดังกล่าวแก่นางสุนันท์ครบถ้วนแล้ว นางสุนันท์ได้คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เอกสารหมาย ล.1 ของจำเลยที่มอบให้นางสุนันท์ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้ว่า จำเลยได้ชำระเงินกู้ยืมดังกล่าวแก่นางสุนันท์ และนางสุนันท์ได้คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่นางสุนันท์ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้ให้จำเลยกับนางสุนันท์ได้ทำหลักฐานการรับชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้จำเลยไว้ แต่หลักฐานดังกล่าวสูญหายไป ซึ่งเป็นการนำสืบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของหลักฐานการชำระหนี้เป็นอย่างไรเมื่อหลักฐานการชำระหนี้ดังกล่าวสูญหายจำเลยย่อมนำสืบพยานบุคคลได้ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93(2) และศาลฎีกาวินิจฉัยพยานโจทก์จำเลยแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานจำเลยจึงมีน้ำหนักและเหตุผลดีกว่าพยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวแก่นางสุนันท์แล้ว

พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ไพรัช โลณวัณต์ ใน ฐานะ ผู้จัดการมรดก ของ โจทก์ - นาง สุนันต์ โลณวัณต์ จำเลย - นาง อา รี ย์ รัก ธรรม

ชื่อองค์คณะ กู้เกียรติ สุนทรบุระ วิรัตน์ ลัทธิวงศกร วินัส เรืองอำพัน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th